นับหนึ่งหย่อนกายลงนั่งบนเตียงแล้วสอดขาเข้าไปในผ้าห่ม
จากนั้นก็เอนตัวนอนตะแคงพร้อมกับกอดผ้าห่มไว้ที่อก น้ำตาใสๆก็ไหลออกมาจากหางตาอย่างเงียบๆ
เมื่อนึกถึงคำพูดที่กวินเอ่ยกับเธอราวกับเธอเป็นเพียงสิ่งของที่ไร้ความรู้สึก ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความเจ็บแค้นและเสียใจ
[ นี่เรากลายเป็นคนไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรีเหมือนอิงฟ้าไปแล้วเหรอ ]
เธอตัดพ้อในใจ แววตาคู่งามแข็งกร้าวขึ้นมาพร้อมกับมือกำผ้าห่มแน่นอย่างไม่ยอมใครง่ายๆ
[ ต่อให้เสียตัวแล้วยังไง เราจะไม่ยอมเป็นอิเหนา ที่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองเด็ดขาด เราจะต้องเหนือกว่าอิงฟ้า อยู่อย่างมีตัวตนและมีศักดิ์ศรีกว่าเธอ ]
คนฉลาดแบบเธอโง่ได้ไม่เกินสามครั้ง ไร้ค่าได้ไม่เกินสองครั้ง และต่ำต้อยได้เพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น จะไม่มีเป็นครั้งที่สองแน่นอน
[ คุณกวิน ในเมื่อคุณได้ฉันสมใจแล้วกลับปฏิบัติกับฉันอย่างคนไร้ค่า ฉันจะทำให้คุณรู้ ว่าคุณประเมินฉันต่ำไป ]
ตอนนี้สำหรับเธอแล้ว เสียตัวยังเจ็บไม่เท่าเขาไม่ให้ค่า ดังนั้นเธอจะทำให้ตัวเองมีค่าเอง
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง เธอก็ปาดน้ำตาทิ้ง แล้วหลับตาลงพร้อมกับปรับตัวปรับใจให้กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม
ภายในห้องนอนที่กว้างขวางมีแอร์เย็นๆแผ่กระจายไปทั่วห้อง ทำให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าอิดโรยของนับหนึ่งหลับไปอย่างง่ายดาย
ทางด้านกวิน เขาขับรถกลับมาในบริษัท พอถึงบริษัทแล้ว ก็เปิดประตูลงจากรถ เดินไปขึ้นลิฟต์ส่วนตัวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง โทรไปหาผู้กำกับหนุ่มที่เป็นเพื่อนของเขาด้วยตนเอง
ทันทีที่ผู้กำกับหนุ่มรับสายแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
" ฮัลไหล "
เขาก็เอ่ยออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็นอย่างไม่แคร์ใครทันที
" วันนี้นายถ่ายฉากอื่นที่ไม่มีนับหนึ่งไปก่อนนะ "
พอคนในสายได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
" กวิน นายหมายความว่าไงวะ วันนี้จะให้ฉันถ่ายฉากอื่น นายบ้าไปแล้วหรือเปล่า "
" นับหนึ่งไม่สบาย นายจะให้เธอไปเข้าฉากทั้งที่ป่วยใบหน้าซีดเซียวงั้นเหรอ "
" หือ แล้วทำไมอยู่ๆเธอถึงป่วยได้ล่ะ นายทำอะไรเธอหรือเปล่า "
ได้ยินเพื่อนถามแบบนั้นกวินจึงตอบไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
" นายไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่าวันนี้นับหนึ่งไม่สบายไม่สามารถไปถ่ายละครให้นายได้ก็พอ "
ผู้กำกับหนุ่มรู้สึกว่าเพื่อนของเขาคนนี้ ดูเปลี่ยนไป รู้จักเป็นห่วงคนอื่น แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงเอ่ยออกไปด้วยความสงสัย
" นี่นายรู้ตัวหรือเปล่า ว่ากำลังเป็นห่วงคนอื่นอยู่ อย่าบอกนะว่านายชอบคุณนับหนึ่งเข้าแล้วน่ะ "
กวินได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น
" เธอเป็นแม่ของลูกฉัน ฉันต้องดูแลเธอเพื่อให้ทายาทผู้สืบทอดของตระกูลออกมาสมบูรณ์ ไม่เกี่ยวกับชอบ "
พอได้ยินว่านับหนึ่งเป็นแม่ของลูกกวิน ผู้กำกับหนุ่มวัย 40 ปี อย่างธาดา ก็ถึงกับนั่งอึ้งไปด้วยความตกใจ เขาเงียบไปห้าวิ จากนั้นก็เอ่ยถามต่ออย่างติดๆขัดๆ
" หนะ นายว่าไงนะ นี่นายล้อฉันเล่นใช่มั้ยวะ ผู้หญิงอย่างคุณนับหนึ่งเนี่ยนะ ยอมอุ้มท้องลูกให้นาย นายพูดจริงๆเหรอวะ "
" อือ "
" คนอย่างคุณนับหนึ่งเนี่ยนะ แม้ว่าฉันเพิ่งรู้จักเธอได้ไม่นาน แต่เท่าที่ได้ร่วมงานกัน นิสัยเธอเป็นยังไง ฉันก็พอรู้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น ฉันเชื่อนาย แต่ถ้าเป็นนับหนึ่ง ฉันไม่เชื่อว่ะ เว้นแต่นายจะปล้ำเธอจนสำเร็จ "
" เดี๋ยวนายก็เชื่อเอง หลังจากเธอถ่ายละครให้นายจบ ฉันจะไม่อนุญาตให้เธอออกงานโปรโมทละครให้นายแล้ว และจะไม่ให้เธอรับงานใดๆอีก ยกเว้นงานโฆษณาที่อยู่ในความดูแลของฉันเท่านั้น เข้าใจนะ "
กวินเอ่ยด้วยความหงุดหงิดใจที่เพื่อนพูดเหมือนนับหนึ่งต่างไปจากผู้หญิงคนอื่น จากนั้นเขากดวางสายไปโดยไม่สนใจเพื่อน ที่นั่งฟังจนนิ่งอึ้งไป
ธาดาไม่อยากจะเชื่อแต่กวินก็ไม่เคยพูดเล่นกับเขาเลยจริงๆ มันทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออก บอกไม่ถูก
" หรือว่ากวินจะปล้ำคุณนับหนึ่งจริงๆวะ "
เขานั่งพึมพำในกองถ่ายด้วยสีหน้าสงสัยและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ฟังมาแต่ก็ต้องเชื่อเพราะเป็นกวิน ธนินกุล
ในบริษัทธนินกรุ๊ป พอลิฟต์ส่งกวินขึ้นมาถึงห้องทำงาน ประตูลิฟต์ก็ค่อยๆง้างออก
กวินจึงเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกงดังเดิม แล้วก้าวออกจากลิฟต์ด้วยสีหน้าสุขุมเคร่งขรึมอย่างสง่าผ่าเผย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก