นางอันเอ่ยปากกล่าว “เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือนแล้ว หนึ่งไม่ได้รับความโปรดปราน สองไม่ได้รับอำนาจ สามไม่ได้รับทรัพย์สิน สี่ไม่ได้รับข่าวที่เป็นประโยชน์ นั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉิน ไม่กลัวผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ?”
กระทั่งนางยังรู้สึกขายหน้าเลย
มองดูใบหน้าที่อัปลักษณ์ของฉู่เชียนหลี่ ขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าจำเป็นต้องทำให้ได้หนึ่งเรื่อง จึงจะสามารถทำประโยชน์ให้จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่”
ต้องได้รับอำนาจหรือไม่ก็มีอิทธิพล
“แล้วก็เดือนหน้าเป็นวันแต่งงานของพี่หญิงเจ้าแล้ว เจ้าไปหาทางจัดการเรื่องสินเจ้าสาวมาให้นางด้วย ยิ่งเยอะยิ่งดี” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวของนางเหมือนออกคำสั่งเสียมากกว่า
ฉู่เชียนหลี่ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก
พี่หญิงจะแต่งงาน จะอย่างไรก็ไม่ถึงคราวที่นางต้องซื้อสินเจ้าสาวกระมัง
“น้องหญิงสี่ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ…” ฉู่เจียวเจียวจับมือทั้งสองข้างนาง หลุบตาทั้งคู่ลงอย่างตำหนิตนเอง “เป็นเพราะข้าไม่เอาไหน ไม่สามารถได้รับความสำคัญจากท่านพ่อ ทำให้ตำแหน่งของพวกเราสามแม่ลูกในจวนกระอักกระอ่วนยิ่งนัก”
นางอันเป็นอนุภรรยา ข้างบนยังมีฮูหยินข่มอยู่
คุณหนูใหญ่ที่กำเนิดฮูหยินใหญ่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ความงามเป็นเลิศ ส่วนคุณหนูรองก็เป็นหญิงมากความสามารถอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ความรู้เป็นเลิศ
ปกติอัครมหาเสนาบดีฉู่โปรดปรานลูกสาวสองคนนี้มาก ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้นางอันสูญเสียความโปรดปราน กอปรกับฉู่เชียนหลีอัปลักษณ์ไร้ความงาม ชื่อเสียงฉาวโฉ่ นางจึงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ได้รับความโปรดปรานมากกว่าเดิม
ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างขุ่นเคือง “น้องหญิง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเราพี่น้องยิ่งไม่ควรแบ่งเจ้าข้า พวกเราควรจะพยายามด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฟันฝ่าด้วยกัน เพื่อให้ท่านแม่ได้ใช้ชีวิตที่ดีในเร็ววัน”
นางเป็นเด็กดี กตัญญู รู้ความ ได้ใจนางอันอย่างมาก
แต่การรู้ความของนางกลับตั้งอยู่บนผลประโยชน์จากตัวฉู่เชียนหลี
ฉู่เชียนหลีต้องเสียทรัพย์สิน หักหลังอ๋องเฉิน ทำดีกลับไม่ได้ผลดีตอบแทน ส่วนฉู่เจียวเจียวแค่อ้าปากก็ถูกมองว่าเป็นเด็กดีที่รู้ความ
เหอ!
“ข้าทราบแล้ว” นางชักมือของตนออกอย่างเฉยเมย ไม่ต้องการอยู่แม้แต่ครู่เดียว “ข้ายังมีธุระ กลับจวนอ๋องเฉินก่อนแล้ว”
จวนอัครมหาเสนาบดีนี้ไม่มีความอบอุ่นใดๆ เลย ไม่อยู่ก็ช่างเถอะ
ฉู่เจียวเจียวมองผู้หญิงที่เดินไปไกล จนกระทั่งแผ่นหลังหายลับตา ดึงสายตากลับด้วยความกังวลเล็กน้อย “ท่านแม่ นางจะช่วยพวกเราแต่โดยดีหรือไม่?”
นางอันพ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ช่วยก็ต้องช่วย เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาง ตลอดหลายปีมานี้คิดว่าข้าเลี้ยงนางเสียข้าวสุกหรืออย่างไร?”
“แต่หากฉู่เชียนหลีรู้ว่าท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ…”
ชายชุดขาวที่นั่งอยู่ด้านข้างตกใจจนเด้งลุกขึ้นพรวด
ฉู่เชียนหลีหันไปมอง “จะสั่นอะไรของเจ้า กินข้าว!”
ชายชุดขาวที่ลุกพรวดยืนไม่มั่นคง เกือบล้มลงพื้น มองดูใบหน้าของผู้หญิงที่อัปลักษณ์ราวกับปีศาจอย่างหวาดผวา มือที่ถือตะเกียบกำลังสั่น
ผู้คนข้างนอกต่างเล่ากันว่าหญิงอัปลักษณ์ตระกูลฉู่ได้ครอบครองแม้กระทั่งอ๋องเฉินผู้สูงศักดิ์และมีอำนาจบารมีในราชสำนัก วิธีการต้องเหี้ยมโหดแน่นอน หากมาใช้กับตัวเขา…
“พระชายาอ๋องเฉินไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย!”
“เจ้ากลัวข้าทำไม?”
“ไว้ชีวิตด้วย! ข้าน้อยไม่รู้อะไรทั้งสิ้น และไม่กล้าปากโป้งเรื่องที่ท่านมาหอบำเรอด้วย ท่านปล่อยข้าน้อยไปเถอะ!”
“ข้ามาหอบำเรอแล้วอย่างไร เจ้าผู้ชายบ้านั้นคุมข้าได้หรือ? ลุกขึ้น ปรนนิบัติข้ากินข้าว!”
นอกประตู ฝีเท้าของเฟิงเย่เสวียนที่เดินผ่านพอดีชะงักเล็กน้อย ถอยหลังสองก้าว เมื่อหันไปมองก็พบผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้เท้าเหยียบอยู่บนเก้าอี้ และกระชากคอเสื้อของบริกรไว้ ท่าทางราวกับจอมเผด็จการ สีหน้ามืดมนฉับพลัน
นี่ก็คือที่นางบอกว่ากลับบ้านแม่หรือ?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ