เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 121

กุ้ยเฟยสลบ จึงถูกส่งตัวกลับไปที่ตำหนักหลิงเซียว

หมอหลวงฝังเข็มให้หลายเข็ม นางก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา

เซียวอวี้เผยสีหน้ากังวลออกมา หมอหลวงกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระนางได้รับบาดเจ็บหนักยังไม่หายดี จึงเกิดภาวะโลหิตไม่ไหลเวียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงต้องพักฟื้น…”

ณ ตำหนักหย่งเหอ

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่หน้าคันฉ่อง ถอดปิ่นปักผมทีละชิ้นอย่างช้า ๆ

เหลียนซวงคอยปรนนิบัติรับใช้นาง ใจยังรู้สึกหวาดหวั่นไม่หาย

“พระนาง ท่าน…ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ ใช่ไหมเพคะ?”

“ขวยโต่วผู้นั้นแข็งแกร่งเอาเรื่อง ท่านไม่ต้องให้หมอหลวงมาดูจริงหรือเพคะ?”

กล่าวจบนางก็รู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว

หากให้หมอหลวงเห็นบาดแผลของพระนาง ไม่เท่ากับเป็นการเปิดเผยตัวตนของพระนางหรือ

เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาก่อเกิดไอเยือกเย็นหนาบาง

“เรื่องที่ข้าลงสนามประลอง ห้ามบอกให้ผู้ใดรู้เด็ดขาด”

เหลียนซวงรีบพยักหน้า

“เพคะ! พระนาง”

นางรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด

ไม่นานนัก ขันทีจากห้องทรงพระอักษรก็มากราบทูล

“ฮองเฮา ฝ่าบาททรงเรียกท่านไปสอบถามพ่ะย่ะค่ะ…”

เหลียนซวงมือสั่นอย่างร้อนตัว

“พระนาง คงไม่ใช่ว่าฝ่าบาท…”

เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นอย่างสงบนิ่ง “มีอะไรก็เก็บเอาไว้ในใจ เอาชุดมาเปลี่ยนให้ข้า”

สองเค่อยามต่อมา

ณ ห้องทรงพระอักษร

เซียวอวี้ประทับนั่งหลังโต๊ะทรงงาน ทอดมองมายังเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสีหน้าดุดัน

“ผู้ดูแลห้องพระรายงานว่า เจ้าอยู่ที่นั่นเพียงครู่เดียว

“ระยะเวลาเนิ่นนานขนาดนั้น เจ้าไปที่ใด ไปทำอะไร”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้ลนลานไม่ ราวกับเตรียมพร้อมมาแล้ว

นางตอบกลับอย่างใจเย็น

“เรื่องมันฉุกละหุก ตอนนั้นหม่อมฉันได้รับข่าว ว่าหาจดหมายของเซวียฉือและเสนาบดีฝ่ายตรวจสอบเจอแล้ว

“ตอนเจอฝ่าบาทที่โถงทางเดิน หม่อมฉันกำลังจะไปรึกษาท่านพี่——ว่าควรนำหลักฐานออกมายามใด เพื่อเปิดเผยความจริงของคดี

“แต่เนื่องจากยังไม่ได้ปรึกษากับท่านพี่ หม่อมฉันจึงไม่กล้าพรวดพราวดไปกราบทูลความจริง จึงต้องเรียก…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ นางก็หยุดไปกลางคัน

แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามารำไร

โครงหน้าของเซียวอวี้เทียบเคียงคำว่าสมบูรณ์แบบ กรอบหน้าคมกริบเด่นชัด เผยกลิ่นอายเย่อหยิ่ง ริมฝีปากบางเหยียดตรงอย่างไร้ความรู้สึก

“วังหลังมิควรยุ่งเกี่ยวกับการปกครอง

“เจ้าเป็นฮองเฮา แต่กลับสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องในราชสำนัก ควรลงโทษเจ้าอย่างไรดี”

น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่กลับทำให้คนหวั่นเกรง

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองมาที่เขาอย่างนิ่งสงบ

จวนเฟิ่ง

เฟิ่งเหยียนเฉินเอาชนะโขยโต้ว สร้างเกียรติยศให้แก่แคว้นหนานฉี ทั้งสู้คดีที่ตนเองถูกใส่ความ จนหวนกลับสู่ตำแหน่งเดิม

เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ ย่อมต้องเฉลิมฉลอง

เมื่อลงจากรถม้ากลับเข้ามาในจวน ใบหน้าของท่านเฟิ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความปลื้มปิติ หากไม่รู้ คงคิดว่าเขาได้บุตรเพิ่มมาอีกคน

“ไปสั่งคนครัว ให้เตรียมสุราชั้นดีกับอาหารชั้นเลิศไว้!

“ทำอาหารโปรดของคุณชายมาเยอะ ๆ ด้วย!”

เขาตบบ่าไหล่ของเฟิ่งเหยียนเฉินอย่างหนัก ๆ

“เหยียนเฉิน! พ่อรู้ว่าเจ้าต้องกลับตัวได้! ประเดี๋ยวจะให้คนเด็ดใบมะกรูด มาปัดเป่าความซวยให้เจ้า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกอย่างจะราบรื่น จะไม่มีผู้ใดมาก่อกวนได้อีก!”

เฟิ่งเหยียนเฉินตอบกลับอย่าเรียบนิ่ง แถมยังไม่ดูดีใจเท่าไรด้วย

“ท่านพ่อ เรื่องฉลองเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ข้าต้องไปที่คุกหลวงก่อน”

……

ขณะที่ท่านเฟิ่งรอต้อนรับเพื่อแสดงความยินดีแก่เฟิ่งเหยียนเฉิน กลับลืมเลือนคนผู้หนึ่งไป

ณ พระราชวัง ภายในสำนักหมอหลวง

เฟิ่งหมิงเซวียนที่ถูกต่อยตีจนมีสภาพสะบักสะบอมเหมือนหัวหมูกำลังนอนบนเตียงไม้ ทั้งยังร้องโอดครวญออกมาไม่หยุด

“เจ็บ…เจ็บเหลือเกิน…ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน!”

ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าดุดันเคร่งขรึมของคนผู้หนึ่ง

“ข้าคือราชองครักษ์เฉินจี๋ ได้รับมอบหมายจากฝ่าบาทให้มาสอบสวน คุณชายรองเฟิ่ง ตำแหน่งทูตส่งสาส์นของเจ้า ผู้ใดเป็นคนแต่งตั้งให้!”

เฟิ่งหมิงเซวียนมองมาที่เขาอย่างตกตะลึง พลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย