เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก
“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”
เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”
เป็นเสียงของบุรุษ!
เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามา
ทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า
“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”
เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?
มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!
ภายในม่าน
ฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อ
เดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือ
ในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัด
แต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง
“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”
น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรง
หากเป็นสตรีทั่วไปคงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดไม่เป็นคำไปนานแล้ว
เฟิ่งจิ่วเหยียนหายใจอย่างสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“หม่อมฉันพกกริชติดตัวเพื่อปกป้องตนเอง มิได้เจตนาทำให้พระองค์ตกพระทัยเพคะ ”
เดิมทีนางก็ไม่ใช่สตรีที่สุภาพอ่อนโยนเช่นน้องสาว เฟิ่งเวยเฉียง น้ำเสียงนางไม่ได้อ่อนหวานเลยสักนิด แต่กลับราบเรียบราวกับเส้นตรงเส้นหนึ่ง
ฟังดูแล้วไม่เหมือนพูดกับพระสวามีของตน กลับเหมือนพูดกับคนแปลกหน้าที่ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยเสียมากกว่า
ครั้นแล้วก็ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเย็น ๆ ของบุรุษ
จากนั้นเขาก็แย่งกริชของนางไปแล้วลุกขึ้นนั่ง
ภายในตำหนักไม่ได้จุดโคมไฟ มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาเล็กน้อย แลดูมืดสลัว
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเห็นร่างบุรุษนั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างเลือนราง เสื้อคลุมตัวนอกคลายออก ดูดิบเถื่อนอยู่หลายส่วน
ดูเหมือนเขาจะกำลังตรวจดูกริชเล่มนั้นอยู่
ภายในม่านเงียบสงัด
เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ลุกขึ้นมานั่งตาม รักษาระยะห่างจากเขา ศัตรูไม่เคลื่อนข้าก็ไม่ขยับ
ทันใดนั้นเขาก็หันมาด้านข้าง กุมกริชจี้ใบมีดไว้ใต้ลำคอของนาง
เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังไม่เคลื่อนไหว อีกทั้งยังไม่หลบเลี่ยง
“คนประเภทที่เราฆ่าไปมากที่สุด ก็คือพวกคนอวดฉลาด”
ยังดีที่เป็นนาง
หากเปลี่ยนเป็นเวยเฉียง เกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บแล้ว
ทันใดนั้นเองก็มีวัตถุแข็ง ๆ ดุนอยู่ใต้ส่วนท้องของนาง
ที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าคือชายผู้นี้จับมือของนางให้กุมมันเอาไว้ด้วยตัวเอง
สิ่งนั้น....ด้ามกริชที่เย็นเฉียบราวน้ำแข็ง
เขากระซิบด้วยเสียงต่ำปานปีศาจร้ายอยู่ข้างหูของนาง
“เราไม่ชอบความสกปรก ฮองเฮา เจ้าลงมือเองเถิด”
เฟิ่งจิ่วเหยียนกรุ่นโกรธยิ่ง
ที่แท้เจ้าทรราชก็ไร้มนุษยธรรมถึงเพียงนี้!
นางรู้สึกปิติยินดีอีกครั้งที่เวยเฉียงไม่ต้องมาประสบพบเจอเรื่องเหล่านี้
นางกุมกริชนั้นเอาไว้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย แต่การสั่นนี้ล้วนมาจากความโกรธ
“ฮองเฮา หากเจ้ายังไม่ลงมืออีก เราไม่ถือสาที่จะเรียกคนมาช่วยเจ้า” เสียงของทรราชดังขึ้น ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งจิ่วเหยียนตัดสินใจคลายสายรัดเอวของตนอย่างเด็ดขาด...
----------------------------------------------
[1] เป็นผ้าม่านคลุมเตียงสำหรับคืนเข้าหอโดยจะปักอักษรคำว่า'มงคล'เอาไว้เพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...