“พี่สาว...”
เฟิ่งเวยเฉียงเพิ่งวิ่งมาหา ก็เห็นบุรุษด้านข้างพี่สาว
คนผู้นั้นสวมชุดผ้าแพรสีม่วง ดูออกว่าเขาพยายามที่จะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ทว่าก็ยังคงไม่สามารถปกปิด ความสูงศักดิ์อย่างไม่ธรรมดารอบตัวเขา
โดยเฉพาะใบหน้าเผด็จการน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่ามีสถานะสูงส่ง ไม่ให้มีการฝ่าฝืน
“ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท” เฟิ่งเวยเฉียงก้มศีรษะลงทันที ไม่กล้ามองอีกฝ่าย
สาวใช้ไฉ่เยว่ ก็รีบถวายความเคารพตาม
ได้เห็นพระพักตร์จักรพรรดิ พูดว่าไม่ตื่นเต้นนั้นเป็นความเท็จ ฝ่ามือของนางเหงื่อไหลชุ่ม
ฝ่าบาทแตกต่างจากที่นางคิดไว้ไม่มาก...สูงส่งเย็นชา ยากที่จะคาดเดาว่ารู้สึกอย่างไร
ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า คุณหนูจิ่วเหยียนเคยชินกับการอยู่ข้างกายเขาได้อย่างไร
เมื่อเซียวอวี้เห็นเฟิ่งเวยเฉียง ก็รู้ว่านางกับเฟิ่งจิ่วเหยียน สมกับที่เป็นฝาแฝดกัน ใบหน้าเหมือนกันเลย
ทว่าลักษณะนิสัย ดูก็รู้ว่าไม่เหมือนกัน
นางเพียงยืนอยู่ไม่พูดอะไร เขาก็สามารถมองทะลุถึงใจนาง เป็นคนไร้เดียงสา เป็นสตรีที่ไม่หวั่นไหวกับเรื่องทางโลกคนหนึ่ง
“ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธี” เซียวอวี้พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่า เฟิ่งเวยเฉียงยังคงรู้สึกว่าเขาเยือกเย็นชา เต็มไปด้วยความเดือดดาล
เฟิ่งจิ่วเหยียนประคองเวยเฉียงลุกขึ้นมา “ดูสีหน้าเจ้าไม่สู้ดี ยาของวันนี้ดื่มตามเวลาแล้วหรือยัง?”
เวยเฉียงผงกศีรษะ พูดเสียงเบาราวกับริ้นไร
“ดื่มแล้วเจ้าค่ะ พี่สาว”
เป็นครั้งแรกที่เซียวอวี้ เห็นทั้งสองพี่น้องอยู่ด้วยกัน เขาประหลาดใจมาก
เขารู้มาตลอดว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนภายนอกดูเย็นชาแต่ภายในอ่อนโยน และก็รู้ว่านางพูดไม่เก่ง โดยเฉพาะ เวลาที่ต้องแสดงความห่วงใยหรือ ปลอบโยนผู้อื่น
ยามนี้อยู่กับน้องสาว นางกลับได้แสดงออกถึงความอ่อนโยน
แม้แต่น้ำเสียงยังดูเอาใจใส่มากกว่าปกติ
ทันใดนั้น เซียวอวี้รู้สึกอิจฉาเฟิ่งเวยเฉียงขึ้นมา
ถึงอย่างไรแขนของเขาที่ถูกต้วนเจิ้งทำร้าย เฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่เอาใจใส่อะไรมากนัก
……
ทุกคนเข้ามาในห้องหลัก เฟิ่งเวยเฉียงเดินตามพี่สาวอย่างใกล้ชิด พร้อมนั่งลงด้านข้างนาง
เซียวอวี้ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา แล้วก็ดื่มหนึ่งคำ
อยู่ในเซียวเหยาจวี เขารู้สึกไม่สบายตัวนัก
ต้วนเจิ้งเคยพูดว่า ที่แห่งนี้ เป็นเรือนหอของเฟิ่งจิ่วเหยียนกับต้วนไหวซวี่
บางที การตกแต่งเรือนหลังนี้ ล้วนเป็นไปตามความชอบของต้วนไหวซวี่
หากไม่มีเรื่องของพรรคเทียนหลง พวกเขาคงแต่งงานกันตั้งแต่แรกแล้ว อยู่ครองคู่กัน มีลูกชายลูกสาวอยู่ที่นี่...
ส่วนเขาก็เป็นเหมือนผู้ที่ฉกฉวยโอกาส หลังจากประสบความสำเร็จแล้ว ยัง “กลับมายังที่เคยอาศัยอยู่ในอดีต”
เวลานี้ เฟิ่งเวยเฉียงลุกขึ้นมา ถวายบังคมให้กับเซียวอวี้
“ฝ่าบาท ขอบพระทัยพระราชโองการของท่าน ให้ข้าน้อยได้มีสถานะ”
เซียวอวี้ได้สติกลับคืน หันมามองนาง
เห็นนางก้มศีรษะไม่กล้ามองตนเอง ก็อดสงสัยไม่ได้ รูปลักษณ์ของเขาน่ากลัวมากหรือ?
เขาวางถ้วยน้ำชา พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสงบ
“เจ้า...”
เดิมเขาอยากพูดว่า ประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่ผ่านมาของนาง เขาก็มีความผิด
ต่อให้เขามีราชโองการสำนึกผิด ทว่าก็ไม่อาจชดเชยความผิดของเขาที่ “เลี้ยงเสือไว้เป็นบาป"
ทว่าคิดถึงคำพูดที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเตือนเขาก่อนมา เฟิ่งเวยเฉียงจำเหตุการณ์ในตอนนั้นไม่ได้แล้ว เขาจึงไม่ได้พูดตามตรง
“เจ้าเพียงรับรู้ว่า สิ่งที่เราทำ เป็นสิ่งที่ควรทำ เจ้าคู่ควรที่จะได้รับ”
หลังจากเฟิ่งเวยเฉียงนั่งลง เฟิ่งจิ่วเหยียนตบแขนนางเบาๆ บ่งบอกให้นางผ่อนคลาย
ทว่า น้อยคนมากที่อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ยังสามารถยิ้มแย้มเป็นตัวของตัวเอง
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...