เจ็ดวันต่อมา
ณ เมืองไท่ชาง
กลุ่มของเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าพักในโรงพักแรม
ทันทีที่เข้ามาในโรงพักแรม นางก็เห็นคนคุ้นตา
คนผู้นั้นอยู่ในชุดไหมสีแดง กำลังพูดคุยกับคนที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างสนุกสนาน ขณะที่อีกฝ่ายบังเอิญเงยหน้าขึ้นมา ก็จำหน้ากากเงินของนางได้
เจียงหลินสวมใส่ชุดแดง ดูสะดุดตาท่ามกลางผู้คนอย่างมาก
เฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวถอยหลังโดยพลัน
ทำไมถึงมาเจอเจ้านี้อีกแล้ว นี่มันบุพเพอาละวาดชัด ๆ ให้ตายสิ…
ชั่วขณะนั้น เหมือนเจียงหลินจะเห็นคนไร้หัวใจที่ทอดทิ้งตัวเอง พลันลุกขึ้นมา ตะโกนท่ามกลางผู้คนว่า “ซูฮ่วน! ข้าเห็นเจ้าแล้ว! เจ้าไม่ต้องหลบ!”
เฟิ่งจิ่วเหยียน: นางไม่ได้หลบเสียหน่อย
เจียงหลินเดินพรดพราดเข้ามา จับแขนของนางเอาไว้ “เจ้ากับซ่งหลีนี่แน่จริง ๆ ไปไหนก็ไม่คิดจะบอกกล่าว รู้ไหมว่าข้าตามหาพวกเจ้านานแค่ไหน!”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความน้อยใจ ความจริงแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มุ่งมั่นตามหาพวกเขาเหมือนกัน
เขามีฐานะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเจียง จึงมีเรื่องให้จัดการมากมายในชีวิตประจำวัน ที่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา ก็แค่อยากให้ซูฮ่วนรู้สึกผิด และช่วยเบิกทางค้าขายให้เขา
ขณะที่กำลังพูด เขาพลันรู้สึกได้ถึงไอสังหาร
ต่อมา ก็มีมือคู่หนึ่ง มาดึงแขนของเขาออกไป
เจียงหลินรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย จึงหันไปมอง เห็นเพียงว่า ข้าง ๆ ซูฮ่วนยังมีบุรุษอีกคน รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลา สีหน้าท่าทางน่าเกรงขาม
เซียวอวี้นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา มองคนเบื้องหน้าอย่างประเมิน
สวมใส่ชุดแดง เป็นชายก็ไม่ใช่เป็นหญิงก็ไม่เชิง ดูไม่เข้าท่า
เจียงหลินเลิกคิ้ว “ซูฮ่วน นี่สหายใหม่เจ้าหรือ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน
“นี่คือเซียวเอ้อร์
“ส่วนนี่เจียงหลิน สหายเก่าของข้า”
เซียวอวี้: นี่เขามีชื่อใหม่ตั้งแต่เมื่อไร?
เจียงหลินกลับเกรงอกเกรงใจ พูดยิ้ม ๆ ว่า
“สหายเซียว นับว่าเรามีวาสนาต่อกัน! ซูฮ่วนพูดมาได้ว่า “สหายเก่า” พูดเสียข้าดูแก่ไปเลย ทั้ง ๆ ที่พวกเราเพิ่งรู้จักได้แค่เจ็ดปีสั้น ๆ เอง”
เจ็ดปี…
เซียวอวี้มองมาที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
“รองผู้นำพันธมิตรซูนี่ มีมิตรสหายทั่วแดนเลยนะ”
มีเพียงเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ฟังออก ว่าถ้อยคำของเขาประชดประชันมากแค่ไหน
นางกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ออกข้างนอกต้องมีพึ่งผองเพื่อน สหายเซียว นี่แหละโลกของยุทธภพ”
เวลากลางคืน ทั้งสามคนนั่งกินข้าวด้วยกัน
ถ้าจะพูดให้ถูก คือเจียงหลินมานั่งเบียดที่โต๊ะของพวกเขามากกว่า
“ซูฮ่วน มาเร็วก็ไม่สู้มาถูกจังหวะ คืนนี้มีเรื่องสนุก ๆ ให้เจ้าได้ดูด้วยล่ะ”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามอง เอ่ยถามสั้น ๆ
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
เจียงหลินยักคิ้ว “เมืองไท่ชางมีสนามประลองยุทธ์ใต้ดิน มีการประลองแทบทุกคืน ส่วนทำไมถึงบอกว่าเจ้ามาถูกจังหวะน่ะหรือ ข้าไปสืบมาว่า การประลองในคืนนี้ รางวัลชนะเลิศก็คือ…”
เขาจงใจหยุดพูด เพื่อกระตุ้นให้คนอยากรู้
แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนห่างเหินซ้ำยังเรียบนิ่ง “พูดมา”
เจียงหลินหัวเราะคิก ๆ
“รางวัลก็คือหนึ่งในศิษย์ทั้งหกที่มีวิชา‘กระบี่ปลิดชีพ’ของสำนักเฉวียนเจิน——ติงหยวนเอ๋อร์”
หัวคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดเล็กน้อย
สำนักเฉวียนเจินมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกศิษย์ในสำนักล้วนเป็นหญิงทั้งหมด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยสู้รบในยุทธภพ เป็นสำนักที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นหนานฉี มุ่งเน้นเรื่องการบำเพ็ญเพียร
และติงหยวนเอ๋อร์ ก็อยู่ในรายชื่อของจอมยุทธ์ที่หายตัวไป


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...