เมื่อฟ้าเริ่มสาง จ้าวยี่เพิ่งจะเดินออกมาจากเรือนประหารด้วยดวงตาแดงก่ำ
ในเรือนประหาร เกาหวูถูกมันตัวเอาไว้ราวกับบ๊ะจ่างนอนหมดแรงอยู่บนพื้น เสื้อผ้าทั้งชุดของเขานอกจากชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว ยังทิ้งความเปียกชื้นเอาไว้ที่พื้นอีกด้วย
หลังจากหลิวฉู่โจ้เข้าไปตรวจสอบแล้วจึงกล่าวรายงานเสียงเข้มว่า “ใต้เท้า เกาหวูอดทนมาถึงที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะกินยาปลุกกามอารมณ์ที่มีฤทธิ์แรงมากเข้าไป ส่วนจะเป็นตัวยาไหนนั้น ใต้เท้าได้โปรดตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย”
“หาอะไรให้เขากินหน่อยแล้วกัน แผลบนศีรษะก็พันใหม่ให้ดีสักหน่อย รอให้เขาพอมีกำลังค่อยเอาเขาไปส่งที่ห้องขัง”
“ใต้เท้า ให้เขาเข้าไปอยู่รวมกับเกาหนานอีกหรือขอรับ”
สีหน้าของหลิวฉู่โจ้ไม่สู้ดีนักเช่นกัน เมื่อก่อนเขาคิดว่าการต้องพัวพันกับศพเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากแล้ว แต่คืนวันนี้พอได้ยินคำสารภาพจากปากของเกาหวู เขาถึงจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วจิตใจของมนุษย์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าผีด้วยซ้ำ
ฝีเท้าของจ้าวยี่ที่กำลังออกไปด้านนอกหยุดชะงัก จากนั้นจึงกล่าวเสียงแข็งว่า “จับคนมาตั้งมากมายพร้อมกันทีเดียวขนาดนั้น ห้องขังก็ไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว แล้วจะให้ย้ายไปไหนได้”
“ขอรับ”
ตระกูลเฟิง
เฟิงฉิ้นหว่านตื่นนอนแต่เช้า นางนั่งพิจารณาภายในห้องของตัวเองอย่างละเอียด จากนั้นจึงเดินยิ้มลงจากเตียง
เมื่อก่อนนางไม่เคยรู้สึกว่าห้องนอนของตัวเองถูกตกแต่งเอาไว้อย่างตั้งใจแบบนี้ แต่วันนี้เมื่อสังเกตเห็นผ้าปูโต๊ะ นางพลันเกิดความรู้สึกชอบใจมาก
เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวในห้อง เสิ่นเยว่จึงเดินเข้ามา ไม่รู้เหมือนกันว่านางมารออยู่ก่อนตั้งแต่เมื่อไหร่
“ท่านแม่” เฟิงฉิ้นหว่านดีใจ
“......อุ่นยาเอาไว้เรียบร้อยแล้วนะลูก”
“รบกวนท่านแม่แล้ว”
การที่ต้องออกไปซื้อยาทำแท้งโดยไม่ให้เป็นขี้ปากของใคร ไม่รู้เช่นกันว่าเสิ่นเยว่ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน
แม่นมโจวถือยาเข้ามา เฟิงฉิ้นหว่านรับยามา เมื่อรู้สึกว่าอุณหภูมิของยาพอเหมาะจึงกระดกยาเข้าปากทันที
ยามีรสชาติขม แต่นางกลับไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิด
ความรู้สึกในใจของเสิ่นเยว่สับสน ก่อนหน้านี้แค่เฟิงฉิ้นหว่านเห็นน้ำค้างแข็งเกาะดอกไม้ นางก็ป่วยอยู่เป็นเวลานานแล้ว แต่ตอนนี้หลังจากผ่านเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กลับไม่เห็นแม้แต่น้ำตาของนาง
“ท่านแม่เจ้าคะ เหตุการณ์เมื่อวานวุ่นวายนัก จึงไม่ได้ถามท่านแม่สักทีว่า เมื่อคืนวาน ท่านแม่โดนเกาหนานจับตัวไปได้อย่างไรหรือเจ้าคะ”
“ตอนที่เกาหนานจับตัวเจ้าไปที่ที่ว่าการอำเภอแล้ว เจ้าบอกแม่ว่าให้แม่แอบไปจับตาดูเกาหวูเอาไว้ และเพราะเรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับชื่อเสียงของเจ้าด้วย แม่ไม่วางใจให้คนอื่นไปจัดการ แม่ก็เลยไปดูด้วยตัวเอง แม่เห็นว่าเกาหนานสั่งให้คนไปทำให้บาดแผลที่ศีรษะของเกาหวูร้ายแรงขึ้น อย่างกับว่าอยากให้เขาตาย ตอนนั้นแม่ตกใจมากจนส่งเสียงร้องออกไป พอเกาหนานเจอตัวเข้า เขาก็ให้คนมาจับตัวแม่เอาไว้ และเตรียมจะเอายาให้แม่กิน......”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
แม่นมโจวที่อยู่ด้านข้างทนไม่ไหวจึงกล่าวออกมาว่า “ฮูหยิน เกาหวูเป็นลูกชายแท้ๆ ของเกาหนาน ทำไมเขาต้องทำลูกชายตัวเองถึงตายด้วยเจ้าคะ”
เสิ่นเยว่เองก็ไม่แน่ใจในประเด็นนี้เช่นกัน จึงมองไปที่เฟิงฉิ้นหว่าน เพราะนางคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้สาเหตุแน่
เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวว่า “ตอนที่ลูกอยู่ในคุกได้ทำข้อตกลงกับคนคนหนึ่งว่าจะมอบสมบัติตระกูลเฟิงให้......”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ แม่นมโจวก็กล่าวออกมาอย่างทนไม่ไหว “คุณหนู ยกสมบัติตระกูลเฟิงทั้งหมดหรือ”
“ใช่”
“ทำไมคุณหนูถึงทำแบบนี้ล่ะเจ้าคะ ฮูหยินแต่งเข้าตระกูลเฟิงมาสิบห้าปีแล้ว แม้ไม่มีหน้าตาแต่ก็มีความดีอยู่บ้าง แต่นายท่านก็ลำเอียงนัก ยกสมบัติทั้งหมดของตระกูลเฟิงให้คุณหนูคนเดียว ส่วนคุณหนูกลับยกสมบัติมากมายของตระกูลให้คนอื่นไปง่ายๆ แบบนี้ ไม่คิดถึงฮูหยินบ้างหรือเจ้าคะ”
ตอนที่นางได้ยินเฟิงฉิ้นหว่านเรียกฮูหยินว่าท่านแม่อย่างสนิทสนม ก็คิดว่าในที่สุดคุณหนูก็ได้สติเสียที แต่มาถึงวันนี้ถึงได้รู้ว่าอันที่จริงแล้วนางเป็นคนเห็นแก่ตัวแค่ไหน!
สีหน้าของเสิ่นเยว่เองก็ซีดขาวเช่นกัน แต่นางกลับไม่มีความเห็นใดๆ กับการกระทำของเฟิงฉิ้นหว่าน
“สมบัติของตระกูลเฟิง เฟิงหลิงยกให้ลูกไปทั้งหมด แม่จะไม่เข้าไปยุ่ง ดังนั้นลูกอยากยกให้ใครเพื่อสร้างอากาสให้ตัวเองก็ไม่ผิด การมีชีวิตอยู่ย่อมสำคัญกว่าการนั่งเฝ้าของไม่มีชีวิตพวกนั้น”
“ท่านแม่ไม่ต่อว่าข้าหรือเจ้าคะ”
“คนที่แบ่งสมบัติพวกนั้นคือเฟิงหลิง แม่กับเขาเป็นสามีภรรยากันมากว่าสิบปี ย่อมเข้าใจนิสัยของเขาดีที่สุด หากจะต่อว่าก็ต้องว่าเขา”
เสิ่นเยว่หลุบตาต่ำลง เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าคนคนนี้น่าเกลียดชัง แต่กลับเกลียดเขาไม่ลง
เฟิงฉิ้นหว่านจับมือของเสิ่นเยว่เอาไว้ “ท่านแม่ ข้ายังพูดไม่จบเจ้าค่ะ สละสมบัติตระกูลเฟิง ข้อแรกเพื่อให้ข้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไป เกาหนานจอมแผนการขนาดนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการยึดสมบัติตระกูลเฟิง วันนี้เขารู้แล้วว่ากิจการของตระกูลเฟิงถูกคนอื่นรับช่วงต่อไปแล้ว และคนคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถข่มเหงได้ แน่นอนว่าเขาย่อมร้อนใจเป็นธรรมดา ส่วนเกาหวูเป็นเพียงลูกอนุที่ไม่ได้รับความสำคัญ วันๆ เอาแต่เสเพลเที่ยวผู้หญิง บวกกับการที่ข้าได้กรีดเอ็นข้อมือของเขาไปแล้ว วันข้างหน้าเขาก็เป็นได้แค่คนพิการคนหนึ่ง สิ่งแรกที่เกาหนานคิดนั่นคือต้องการกำจัดลูกชายคนนี้ โดยใส่ร้ายให้ข้ามีความผิดถึงตาย”
“เกาหนานต้องการทำให้เกาหวูตาย เป็นเพราะต้องการฟ้องว่าเจ้าพลั้งมือฆ่าคนอย่างนั้นหรือ”
“เกาหนานรู้ดีว่า ข้ากับเกาหวูไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ตอนที่เขามาถึงสถานที่ก็ไม่ได้เห็นว่าข้ากับเกาหวูมีความสัมพันธ์ทางกายต่อกัน เรื่องที่เกาหวูวางยาข้าหวังจะขืนใจข้า หากดำเนินการตรวจสอบก็จะรู้ความจริงทันที เขาอยากใช้ข้อหาอกตัญญูในช่วงไว้ทุกข์จัดการข้า แต่มีหลักฐานที่น้อยเกินไป ไม่สู้คดีพลั้งมือฆ่าคนตาย”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เกาหนานเป็นคนใจอำมหิตนัก”
เสือดุร้ายเพียงใดก็ยังไม่กินลูกตัวเอง แต่เกาหนานผู้นี้กลับเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ