เมื่อได้ยินฟู่ลั่วเฉินกล่าวว่าเฟิงฉิ้นหว่านมิใช่คนตระกูลซู ดวงตาของหยุนซวนก็เปล่งประกายยิ่งขึ้น: ท่านชายสามารถกล่าวคำเหล่านี้ออกมาได้ มิใช่แสดงให้เห็นว่ามีความคิดที่จะชิงตัวคนหรอกหรือ?
“ท่านชาย เวลาที่พวกเรากลับถึงเมืองหลวงนั้นอีกไม่นานแล้ว องค์ชายรองก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปในกับดักด้วยตนเองแล้ว เพียงแค่รอให้พวกเขาลงเงินลงแรง สุดท้ายพวกเราค่อยใช้กรรไกรตัดพวกเขาให้ขาดดังฉับ องค์ชายสามทางนั้นพระญาติฝั่งเสด็จแม่ได้รับการกดขี่ข่มเหง ประกอบกับครั้งนี้ฝ่าบาททรงกริ้วอย่างหนัก อาศัยท่าทางที่เฉลียวฉลาดของเขานั้น ภายในระยะเวลาอันสั้นก็คงไม่สามารถคิดลูกไม้อะไรออกมาได้ พวกเราควรจะรีบเดินทางกลับหลินผิงให้เร็วที่สุดหรือไม่?”
ฟู่ลั่วเฉินผลุบดวงตาลงเล็กน้อย ปลายนิ้วลูบคลำไปที่ถุงหอมที่แขวนอยู่บริเวณช่วงเอว: “ช่วงระยะนี้ เฟิงฉิ้นหว่านได้ส่งของขวัญมาให้ข้าจำนวนไม่น้อย แต่ทว่าข้ากลับไม่ได้ส่งของขวัญตอบกลับไปให้นางตามมารยาท ควรจะส่งอะไรกลับไปบ้างดีนะ”
”เมื่อได้ยินดังนั้น หยุนซวนที่อยู่อีกข้างจึงเสนอความเห็น: “แม่นางเฟิงส่งถุงหอม ถุงผ้าปัก มิเช่นนั้นท่านก็ส่งปิ่นปักผมไข่มุก เครื่องประดับ?”
ฟู่ลั่วเฉินหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย: “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ายังมีเงินอีกห้าแสนตำลึง?”
หยุนซวนเบิกดวงตากว้างด้วยความตกละลึง: “อันนี้ยังจะต้องส่งของขวัญตอบกลับงั้นหรือ?”
นั่นเป็นเงินห้าแสนตำลึง ใช้คำพูดท่านอ๋องมาพูด ก็คือนำท่านชายแต่งเข้าเพื่อชดใช้ก็ยังไม่พอคืน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยุนซวนก็หยุดหายใจขึ้นมาทันที: “ท่านชาย ท่านคงไม่ได้คิดจะแต่งเข้าไปยังตระกูลเฟิงจริงๆกระมัง?”
ฟู่ลั่วเฉินเหลือบมองเขาทีหนึ่ง จะเสนอความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์สักหน่อยก็ไม่มี ดูเหมือนว่าจะคาดหวังกับเจ้าหนุ่มนี่ไม่ได้เสียแล้ว
ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ภายในใจของฟู่ลั่วเฉินก็มีวิธีการแล้ว หวังว่าของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นนี้ เฟิงฉิ้นหว่านจะชื่นชอบ
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน วันพระราชสมภพของฝ่าบาทก็มาถึง ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยความครึกครื้น
พระราชวังตำหนักไร้ทุกข์ บุรุษที่สวมใส่เสื้อคลุมลายมังกรสีเหลืองสดใส ทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยลักษณะอันน่าเกรงขามนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงาน เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรไปยังยู่ชินอ๋องที่กำลังเสวยขนมอยู่ด้านล่างด้วยความจำใจ: “ลั่วเฉินก่อเรื่องวุ่นวาย เจ้าก็ยอมให้เขาก่อเรื่องวุ่นวายงั้นหรือ?”
ยู่ชินอ๋องยัดขนมก้อนหนึ่งลงไป ยกมือขึ้นแล้วปัดเศษขนมที่อยู่บนมือ
“เสด็จพี่ท่านตรัสหมายความว่าอย่างไร? ลั่วเฉินเป็นเด็กที่มีความพอดีที่สุด ก่อเรื่องวุ่นวายตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ฝ่าบาทนำพระราชสาส์นที่อยู่ใกล้มือโยนไปทันที: “เจ้าลองดูด้วยตนเอง เขาพึงใจเฟิงฉิ้นหว่านแม่ค้าคนหนึ่ง แม้แต่พ่อค้าที่อยู่ภายใต้อำนาจของนางเหล่านั้นก็ยิ่งกว่ายกย่องเทิดทูน เขาส่งของขวัญวันเกิดมาให้เรา จากนั้นก็ขอพระราชโองการจากเราทันที ต้องการให้พระราชทานตำแหน่งเจ้าค้าราชวงศ์ให้แก่ตระกูลหวังและคนอื่นๆ!”
“เสด็จพี่ ท่านเรียกนามของเฟิงฉิ้นหว่านก็เพียงพอแล้ว เรียกแม่ค้าอะไรกัน? ฟังแล้วประหลาดไม่รื่นหู เรื่องราวของหวางจื้อหยวนและคนอื่นๆหม่อมฉันเองก็ได้ยินมาเช่นกัน เรื่องดีงามที่พวกเขาทำนั้นเป็นความจริง บัดนี้ผลลัพธ์ยังไม่ชัดแจ้ง ในภายภาคหน้าจะต้องนำพาผลกระทบที่ลึกล้ำและยาวไกลเป็นที่สุดมาให้เป็นแน่ ลั่วเฉินเช่นนี้เรียกว่าวางแผนอย่างรอบคอบและมองการณ์ไกล สายตาของเขามักจะยาวไกลเช่นนี้ แข็งแกร่งกว่าหม่อมฉันมากมายนัก”
หว่างคิ้วของฮ่องเต้ขมวดเล็กน้อย ในแววตาที่มองไปยังยู่ชินอ๋องนั้นแฝงไปด้วยความปวดหัว
“ข้าให้เจ้าไปโน้มน้าวลั่วเฉินให้ดีดี เจ้าได้ห้ามปรามหรือไม่? สถานะของเขาคืออะไร จะไปชื่นชอบสตรีเฉกเช่นเฟิงฉิ้นหว่านได้อย่างไรกัน?”
ยู่ชินอ๋องกลอกตาขาวอย่างไม่สุภาพ หยิบขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่งทำเสียงกัดดังเอี๊ยดๆ: “เสด็จพี่ ตนเองย่อมรู้เรื่องของตนเองดีที่สุด ท่านคิดว่าหม่อมฉันสามารถห้ามปรามลั่วเฉินเอาไว้ได้?”
“เช่นนั้น......” หว่างคิ้วของฮ่องเต้ขมวดแน่นยิ่งขึ้น
“เสด็จพี่ การเป็นคนนี้จะต้องคิดให้ตกเสียหน่อย เมื่อเป็นฮ่องเต้ก็ยิ่งจะต้องมากกว่านั้น ท่านลองไตร่ตรองอย่างละเอียด ถึงท่าทางของลั่วเฉินก่อนหน้านี้ที่ผู้ใดก็ไม่พึงใจ เหมือนกับเตรียมพร้อมที่จะใช้ชีวิตโดยไม่มีคู่ครองจนตายแล้วใช่หรือไม่? บัดนี้เขามีสตรีที่พึงใจแล้ว อย่าได้ใส่พระทัยว่าแม่นางเฟิงเขาจะเคยทำเรื่องราวอะไรมา พวกเราเหล่านี้เป็นผู้อาวุโส จะต้องโอบอุ้มความซาบซึ้งใจไว้เป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ คนอื่นไม่รู้ เสด็จพี่ท่านยังไม่ได้ตรวจสอบชัดเจนงั้นหรือ? ทุกเรื่องราวที่แม่นางเฟิงทำ ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องตนเองจึงถูกบังคับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สตรีที่มีแผนการและมีกลอุบายเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในมือยังสามารถหาเบี้ยได้เป็นกอบเป็นกำ พวกเขาสองคนมิใช่ว่าเหมาะสมกันดีเป็นอย่างยิ่งงั้นหรือ?”
ฮ่องเต้ถอนหายใจอย่างหนัก: “เราก็เพียงแค่กังวลว่าลั่วเฉินจะถูกคนหลอกให้แล้ว......”
ตาขาวของยู่ชินอ๋องยิ่งกลอกหนักมากยิ่งขึ้น: “เสด็จพี่ ท่านก็นำใจวางไว้ในท้องเถอะ ถูกลั่วเฉินของพวกเราพึงใจได้ แม่นางเฟิงก็จะต้องยอมรับอันตรายที่มากยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าคนอื่นเขายังหวาดกลัวว่าจะถูกหลอกเอาน่ะ!”
“ก่อนหน้านี้ลั่วเฉินผู้ใดก็ไม่ชื่นชอบ แล้วก็ไม่ยินยอมที่จะแต่งงาน ในใจของเรานี้เป็นกังวล บัดนี้เขามีสตรีที่พึงใจแล้ว ข้าก็ยังคิดว่าเขาสามารถที่จะหาใครสักคนที่สถานะและฐานะคู่ควรเหมาะสมยิ่งกว่าได้ แท้จริงแล้วเป็นใจของคนไม่เพียงพอ” ฮ่องเต้ถอนหายใจ
ยู่ชินอ๋องที่อยู่ด้านข้างยิ้มด้วยความเบิกบานใจ: “เสด็จพี่ ทั้งหมดนี้ท่านก็คือหาเรื่องกลัดกลุ้มใจใส่ตนเอง ลูกหลานย่อมมีความสุขของลูกหลานเอง ถึงแม้สถานะของพวกเราจะเป็นราชวงศ์ ฐานะมีความพิเศษอยู่บ้างเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นคนเช่นเดียวกัน ท่านก็อย่าได้เป็นเหมือนกันกับพระบรมวงศานุวงศ์คนอื่นๆที่ต้องวงศ์ตระกูลฐานะเท่าเทียมกันอะไรเทือกนั้น ลองนึกถึงเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของพวกเราดู ถ้าหากตอนนั้นเสด็จพ่อมีความคิดที่ยึดมั่นการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย พวกเราจะถือกำเนิดขึ้นมาได้ที่ไหนกัน?”
“ข้าก็แค่อยากจะพูดคุยกับเจ้า ก็ไม่ใช่จะไม่เห็นด้วยที่เฟิงฉิ้นหว่านจะเข้าจวนจริงๆเสียหน่อย เจ้าร้อนใจอะไร? เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเฟิงฉิ้นหว่านยังไม่ทันได้เข้าเมืองหลวง เจ้าก็ถูกซื้อตัวไปเสียแล้วนะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ