“พูดจาเพ้อเจ้อ! ฉันไม่ได้ป่วย!” สีหน้าของหลิวเหมียวเหมือนเจอผี
“อืม ถ้าไม่ยอมรับว่าป่วยก็แสดงว่าอาการของคุณหนักแล้ว เห็นแก่ที่เราเคยร่วมงานกันฉันจะลดให้หน่อยก็แล้วกัน”
“ฉันไม่ได้โทรหาเธอเพราะเรื่องนี้! ฉันโทรมาเพื่อขอให้เธอไปช่วยเจรจากับคนร้าย ถ้าเธอยังมีจรรยาบรรณในอาชีพเหลืออยู่บ้างก็ควรรีบมา”
“ถ้าคุณยังมีอีคิวเหลืออยู่บ้างคงจะไม่พูดจาด้วยน้ำเสียงอวดดีสร้างความอึดอัดให้อีกฝ่ายแบบนี้ การศึกษาของคุณบวกกับนิสัยแบบนี้มันจะทำให้ชีวิตคู่ของคุณในอนาคตมีปัญหา เว้นเสียแต่คุณจะหาคนที่ทนมือทนเท้ามาเป็นสามีได้ ดังนั้นรุ่นพี่คะ ถ้าว่างถึงขนาดเอาเรื่องจรรยาบรรณมาข่มขู่ให้ฉันทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้ ไม่สู้ไปนั่งหาวิธีปรับปรุงนิสัยจะดีกว่านะคะ” เสี่ยวเชี่ยนโต้กลับอย่างสบายๆ
มีลูกน้องอวี๋หมิงหลางแอบยกนิ้วโป้งให้
นี่สิพี่สะใภ้ตัวจริง พูดจาเมตตากว่าหัวหน้าปากร้ายของพวกเขาอีก
“คนอย่างเธอมาเป็นหมอได้ไง? ในใจไม่มีจรรยาบรรณแพทย์หลงเหลืออยู่เลยเหรอ? ความเย็นชาของเธอในตอนนี้เห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วย ถ้าวันหน้าเธอซวยเจอกับเรื่องไม่ดีเข้า ยังจะมีคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?” หลิวเหมียวเถียงสู้เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ ทำได้แค่โจมตีจากทางอื่น
“ข้อแรก คุณกำลังออกนอกประเด็น ฉันมีสิทธิ์เป็นหมอหรือไม่นั้นมันเป็นเรื่องของแพทยสภาที่เขาออกใบรับรองให้ฉัน คำพูดของคุณไม่มีประโยชน์ ข้อสอง เรื่องไม่ดีที่คุณพูดถึง ผู้ชายของฉันไม่มีทางปล่อยให้ฉันตกอยู่ในอันตรายหรอกค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนไม่เคยเถียงแพ้ใคร
ขี้เกียจจะเสวนากับหลิวเหมียวต่อ ฟังจากเสียงเสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าอีกฝ่ายเปิดลำโพง จึงเรียกคนสวยเข้ามา
“มานี่คนสวย ทักทายเพื่อนๆหน่อยเร็ว”
คนสวยยังไว้หน้าเสี่ยวเชี่ยน มันเห่าใส่โทรศัพท์
เดิมอวี๋หมิงหลางมีสีหน้าเคร่งเครียด พอได้ยินเสียงคนสวยก็ผ่อนคลายลง
ท่าทางเมียเขาจะเข้ากันได้ดีกับคนสวย
“เรียกหมามาเห่าคิดจะดูถูกฉันเหรอ?” หลิวเหมียวไม่เข้าใจสถานการณ์จึงคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนจงใจหักหน้าเธอ
“การศึกษาสูงไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถ หวังว่าต่อไปคุณจะตั้งใจพัฒนาตัวเองในเรื่องงาน ไม่ใช่เอาแต่จ้องจะจับผู้ชายของคนอื่น เอาล่ะ คุณผู้หญิงที่สร้าง ‘พลังบวก’ ช่วยกอบกู้โลก สู้ต่อไปนะคะ บาย”
คำพูดทิ้งทวนของเสี่ยวเชี่ยนทำให้อวี๋หมิงหลางรวมถึงทหารคนอื่นต่างอึ้งตามๆกัน
นอกจากอวี๋หมิงหลางแล้ว คนอื่นๆต่างคิดได้คำเดียว โวะ!
เทพชัดๆ พี่สะใภ้เป็นเทพชัดๆ!
สามารถวิเคราะห์คนได้อย่างแม่นยำจากคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค แถมยังตอบโต้ได้อย่างไม่เหนื่อย!
นักวิจัยจบสูงเมื่อมาเจอเธอก็กลายเป็นเพียงแค่เด็กประถม
หลิวเหมียวที่ถูกวางสายใส่โกรธหน้าเขียว คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนเหมือนสะกิดจุดประสงค์แอบแฝงของเธอ ทำให้เธอเสียหน้าแทบอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่ถูกทหารของอวี๋หมิงหลางแย่งกลับไปก่อน
“นี่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของหัวหน้าครับ”
“ผู้หญิงที่ไม่รู้จักกาลเทศะคนนี้ก็แค่มีคนใหญ่โตคอยหนุนหลังไม่ใช่เหรอ การที่เขาพูดจากับฉันแบบนี้ล้วนเป็นเพราะจิตใจที่อิจฉาริษยา ในมุมมองทางจิตวิทยา เขาจะต้องอิจฉาในความสำเร็จของฉันอย่างแน่นอน เพราะในทางทฤษฎี ความอิจฉามีสาเหตุมาจากการแข่งขันในแวดวงเดียวกัน ข้อได้เปรียบของเขาถูกฉันทำลายก็เลยมีสภาพจิตใจแบบราชันย์วานร คิดจะล้างแค้นฉัน”
หลิวเหมียวจงใจพูดให้ซับซ้อน อีกทั้งยังใช้คำเฉพาะอย่าง ‘จิตใจราชันย์วานร’[1] ก็เพื่ออยากให้ดูเหมือนเสี่ยวเชี่ยนอิจฉาเธอ
ตามคาด อวี๋หมิงหลางที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้ามองเธอแล้ว แต่ไม่ใช่สายตาชื่นชม เป็นสายตาดูถูก
“เขาอิจฉาคุณ? หึหึ นี่เป็นเรื่องน่าขำที่สุดที่ผมได้ยินมาในปีนี้เลยนะ”
เมียของเขาบุคลิกดี การงานเด่น อีกทั้งยังมีสามีดีๆที่รักเธอมาก พาออกไปไหนก็ไม่มีใครเทียบได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าจริงๆที่พูดจาแบบนี้ออกมา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย