สงสัยว่าจะเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน
ทำไมคราวก่อนหัวหน้าใหญ่ถึงอยากซื้อโทรศัพท์ให้ศาสตราจารย์หลิว? ก็เพราะเขากับศาสตราจารย์หลิวทะเลาะกันเรื่องลูกแบบไม่หยุดหย่อน ศาสตราจารย์หลิวดื้อดึงอยากให้ลูกมีงานที่มั่นคงทำ แต่หัวหน้าใหญ่ไม่อยากเอาเปรียบองค์กร
ทั้งสองคนจึงทะเลาะกัน เขาพูดจาแรงไปหน่อยเลยอยากจะไถ่โทษด้วยการซื้อโทรศัพท์ให้ แต่ก็ถูกอวี๋หมิงหลางแย่งเอาไปให้เสี่ยวเชี่ยนก่อน
“หัวหน้านี่ไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวเลยนะครับ ไม่ได้เอาใจหัวหน้าเป็นพิเศษเสียหน่อย วีรบุรุษทุกคนต่างได้แบบนี้เหมือนกัน เรื่องนี้หัวหน้าไม่ควรคิดมาก ต่อให้โลนวูล์ฟไม่ใช่ลูกชายของหัวหน้า เขาก็เป็นความภาคภูมิใจของหน่วยเราเหมือนกัน เป็นฮีโร่ของทุกคน การเข้าไปช่วยจัดการชีวิตของเขาให้เรียบร้อยเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรต้องทำเพียงเพราะเขาเป็นลูกหัวหน้า หัวหน้าน่ะจะไม่ให้เขาได้รับผลประโยชน์ตามปกติที่เขาควรได้เลยเหรอครับ”
หัวหน้าใหญ่คิดไม่ตกกับเรื่องนี้ หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่พอหลิวลี่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ หัวหน้าใหญ่กลับไม่สบายใจ อันที่จริงอวี๋หมิงหลางก็เข้าใจได้ มุมนี้ของหัวหน้าใหญ่เหมือนกับพลตรีอวี๋
กองทัพในสายตาของพวกเขามันเป็นมากเกินกว่าทั้งหมด หากไม่ต้องทำให้กองทัพยุ่งยากได้ก็ไม่ทำ เรื่องอื่นอวี๋หมิงหลางไม่ขอเสนอความเห็น แต่เรื่องของหลิวลี่เขายืนหยัดในความคิดของตัวเอง
“น้าเขย เรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนอย่างที่น้าคิดนะครับ จริงๆนะ มีผมอยู่ไม่มีทางปล่อยให้การเข้าร่วมของหลิวลี่กระทบกับคนอื่นแม้แต่นิดเดียว พวกเราแค่ให้เขาสัมผัสกับสนามรบ สัมผัสกับเกียรติของทหาร ถ้าหลังจากที่เขาเข้าร่วมแล้วยังยืนยันจะเป็นทหารงั้นก็ให้เขาไปทำตามขั้นตอน ถ้าเขารู้สึกไม่ได้ถึงความภาคภูมิใจของพี่เขา เข้าใจแล้วว่างานอื่นก็สร้างความภาคภูมิใจได้เหมือนกัน อีกหน่อยเขาก็จะตั้งใจทำงาน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนอยากเห็นหรอกเหรอครับ?”
อวี๋หมิงหลางไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะคำนึงถึงทุกด้าน โดยเฉพาะหลังจากที่เขาคบกับเสี่ยวเชี่ยนแล้ว มองปัญหาด้านจิตเวชอย่างทะลุปรุโปร่ง สั่งสอนเป็นหมื่นครั้งไม่สู้ให้เจ้าตัวได้เจอกับตัวเพียงครั้งเดียว เพื่อโลนวูล์ฟ เพื่อเกียรติของหน่วย อวี๋หมิงหลางจึงอยากลองดูกับเด็กคนนี้สักตั้ง
หัวหน้าใหญ่ก็ยังคงไม่เห็นด้วย อวี๋หมิงหลางยกเหตุผลชักแม่น้ำทั้งห้าก็ยังเอาชนะความดื้อดึงของทหารแก่คนนี้ไม่ได้ ขณะที่หัวหน้าใหญ่กำลังจะปฏิเสธอวี๋หมิงหลางก็มีสายเข้าที่ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“สวัสดีค่ะหัวหน้าใหญ่หนูเฉินเสี่ยวเชี่ยนนะคะ”
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน?” หัวหน้าใหญ่ยังไม่ได้สติ อวี๋หมิงหลางอยากรับสายแทนทันที
หรือลูกเชี่ยนอยากโทรหาเขาแต่โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลยโทรหาหัวหน้าใหญ่?
“อย่าเอาโทรศัพท์ให้อวี๋หมิงหลางนะคะ หนูไม่ได้จะโทรหาเขา หนูโทรหาหัวหน้าค่ะ”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนทำให้หัวหน้าใหญ่ดึงมือที่กำลังจะยื่นโทรศัพท์ให้อวี๋หมิงหลางกลับ อวี๋หมิงหลางถึงกับงง
เสียวเหม่ยโทรหาหัวหน้าใหญ่ทำไม?
“หนูรู้ว่าเสี่ยวเฉียงของหนูกำลังยื่นหน้ามาแอบฟังอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เขาต้องลำบากรบกวนหัวหน้าเปิดลำโพงด้วยค่ะ”
หัวหน้าใหญ่ทำตาม เสียงของเสี่ยวเชี่ยนดังชัดเจนออกมาจากลำโพง
“ต่อไปนี้หนูจะพูดในฐานะของจิตแพทย์นะคะ”
“…เสียวเหม่ย คุณไม่มีใบประกอบโรคศิลปะแล้วมาทำอวดเก่งต่อหน้าหัวหน้าผมเนี่ยนะ?”
“หุบปากซะเสี่ยวเฉียง ฟังฉันพูด!”
อยู่กันคนละที่ยังสัมผัสได้ถึงท่าทางการข่มของเฉินเสี่ยวเชี่ยน คนเก่งสองคนเจอกันย่อมมีคนที่อ่อนกว่า อวี๋หมิงหลางก็คือคนนั้น
“ว่ามาสิ”
“หนูปลีกตัวออกมาจากอาจารย์นานไม่ได้ เพื่อไม่ให้เขาร้อนใจ ดังนั้นคำพูดที่หนูจะพูดต่อไปนี้จึงต้องบอกหัวหน้าใหญ่ทางโทรศัพท์ ขอบอกข่าวร้ายนะคะ เมื่อกี้หลิวลี่โทรหาหนู เขาบอกว่าเขาสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน”
“แปร…อะไรนะ?” หัวหน้าใหญ่ไม่เข้าใจ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย