ขุดหลุมแล้วเชิญโดดได้
“ตอนกลางวันหัวหน้างานยุ่ง กลางคืนก็ยุ่งเหรอคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“แต่ฉันไม่ได้อยู่เมืองเดียวกับพวกเขา ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?”
“วิธีอื่นก็มีค่ะคือหัวหน้าไม่ต้องสนใจลูกชายคนนี้แล้ว อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่โรคอารมณ์แปรปรวน อาการเขายังไม่หนักถึงขั้นร้ายแรง งั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ ถ้าโชคดีเขาก็เหมือนเด็กหนุ่มพลังเยอะทั่วไป แต่ถ้าโชคร้ายก็จะเป็นโรคซึมเศร้า เกิดภาพหลอน หรือหากอารมณ์ทางเพศมีมากเกินไป เห็นใครก็แค่อยากถอดกางเกงใส่—”
“พอได้แล้ว!” หัวหน้าใหญ่สีหน้าแย่มาก
อวี๋หมิงหลางกลับกำลังครุ่นคิด
จากนิสัยของเสียวเหม่ย เวลาวินิจฉัยโรคไม่มีทางพูดรุนแรงขนาดนี้ นี่ไม่ใช่นิสัยของเธอ
งั้นแล้วเหตุผลอะไรกันถึงทำให้เสียวเหม่ยอยู่ๆก็ทำแบบนี้?”
ขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังนึกถึงวัตถุประสงค์ของเสี่ยวเชี่ยนเขาก็ถามเธอไปด้วย
“เสียวเหม่ย แล้วคุณว่าเรื่องนี้ควรทำไงดี?”
“มีลูกแล้วก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู ไม่ใช่แค่หาข้าวให้กินไม่ให้อดตายก็จบ เขาไม่ใช่ลูกของหนู หนูเป็นแค่หมอ หนูไม่สนหรอกค่ะว่าคุณจะใช้วิธีไหน แต่หนูขอบอกเลยว่า ถ้าไม่เอาใจใส่เด็กคนนี้ได้จบเห่แน่ คิดหาวิธีเอาเองนะคะ—งานของอาจารย์ไม่จำเป็นต้องมาเข้างานทุกวัน แล้วเมืองQอยู่ห่างจากที่นี่เท่าไรกัน?”
เสี่ยวเชี่ยนพูดในสิ่งที่ควรพูดจบแล้วก็วางสาย
หลังวางสายเธอถอนหายใจโล่งอก ฮู่ววว เธอในฐานะที่เป็นจิตแพทย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ขู่คน ไม่รู้เสี่ยวเฉียงจับได้หรือเปล่า เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเสี่ยวเฉียงเป็นผู้ชายที่ฉลาดมาก หลายๆเรื่องเขามองปราดเดียวก็รู้หมด
หัวหน้าใหญ่เป็นเจ้าของเรื่อง เสี่ยวเชี่ยนบอกว่านั่นไม่ใช่ลูกเธอเสียหน่อย หัวหน้าใหญ่ถูกขู่จนไม่น่ามีเวลาคิดเรื่องอื่น
พอเสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วก็แอบร้อนตัวนิดหน่อย
อาจารย์เกลียดที่สุดเรื่องจิตแพทย์ขู่คนไข้ วันนี้เธอทำไปเพื่อให้อาจารย์กับสามีได้กลับมาอยู่ด้วยกันนะ เธอเองก็เหนื่อยไปไม่น้อย
หลิวลี่โทรหาเธอพูดจาติดๆขัดๆบอกว่าตัวเองอาจเป็นโรค เสี่ยวเชี่ยนก็เข้าใจทันที
เด็กคนนี้คิดจะทำอะไรบางอย่าง
เสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เด็กใหม่ เธอมีประสบการณ์แพทย์คลินิกมาหลายปี ใครป่วยใครไม่ป่วย ต่อให้ช่วงแรกมองไม่ออก แต่ก็พอจะวินิจฉัยได้คร่าวๆ หลิวลี่ยังห่างไกลจากโรคอารมณ์แปรปรวนนัก งั้นสาหตุที่เด็กคนนี้พูดแบบนี้ก็คงมีแค่เหตุผลเดียว
และเหตุผลนี้ก็เป็นสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนก็อยากเห็น ดังนั้นเธอจึงลงเรือไปด้วย
หลังจากที่หัวหน้าใหญ่คุยกับเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็เอาแต่นั่งเงียบ
อวี๋หมิงหลางก้มหน้าคิดอยู่สักพัก แล้วก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
เขาเห็นหัวหน้าใหญ่ทำสีหน้าคิดหนักจึงส่งเหล้าให้ หัวหน้าใหญ่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองเม็ด แล้วกรอกเหล้าเข้าปาก แต่ก็ยากจะสลัดความกลุ้มใจทิ้ง
ลูกชายคนโตตายอย่างมีเกียรติไปแล้ว ลูกคนรองยังมาเป็นแบบนี้ ไมโทษเสี่ยวหลิวต้องโทษเขา ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขาสู้หน้าประเทศชาติได้ แต่สู้หน้าครอบครัวไม่ได้
แต่พอนึกถึงนิสัยของศาสตราจารย์หลิวแล้ว…หัวหน้าใหญ่เห็นด้วยกับความคิดของอวี๋หมิงหลาง แต่ก็กลัวจะไปทำให้โรคหัวใจของศาสตราจารย์หลิวกำเริบ
“เพื่อลูก ทุกอย่างทำเพื่อลูก! น้าเขยแค่พูดมา ขอแค่มีใจแน่วแน่ ทางน้าหลิวเดี๋ยวผมกับเสี่ยวเชี่ยนจัดการเองครับ ดีไหม?”
“อย่าทำให้เขาโมโหนะ เขาสุขภาพไม่ค่อยดี อันที่จริงฉัน…ยังไงก็ได้หมด”
อวี๋หมิงหลางคิดในใจ แหม่ทำเป็นวางมาด ยังไงก็ได้กับผีสิ!
แต่สีหน้ายังต้องทำเป็นเออออ “ใช่ครับ ทุกอย่างทำเพื่อลูก เพื่อลูกเท่านั้น!”
ยื่นบันไดไปให้ เรื่องนี้ก็ง่ายขึ้นแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนพอขู่หัวหน้าใหญ่เสร็จก็กลัวว่าอีกหน่อยถ้าอาจารย์รู้เรื่องเข้าจะคิดบัญชีกับเธอ ครั้นแล้วจึงแสร้งทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเดินเข้าห้องผู้ป่วยไป อาจารย์ยังไม่นอน เสี่ยวเชี่ยนจึงถาม
“อาจารย์คะ ในฐานะที่อาจารย์เป็นจิตแพทย์ชั่วโมงบินสูง อาจารย์ช่วยหนูไขข้อข้องใจหน่อยได้ไหมคะ?”
“เธอมีอะไรไม่เข้าใจเหรอ?” หลังจากผ่านการร้องไห้ร่วมกันเมื่อครู่มา ตอนนี้สายตาของศาตราจารย์หลิวที่มองเสี่ยวเชี่ยนไม่เหมือนเดิมแล้ว ให้ความรู้สึกที่ดูใกล้ชิดเหมือนเป็นลูกสาวตัวเอง
“คือแบบนี้นะคะ…หนูรู้ว่าอาชีพจิตแพทย์ต้องมีหลักการ ห้ามโกหกผู้ป่วยรวมถึงญาติผู้ป่วย แต่บางครั้งนะคะ เรื่องต่างๆบนโลกใบนี้มันก็ชอบมีความบังเอิญมากมาย อาจารย์ว่าถ้าหนูทำเพื่อผู้ป่วย หนูโกหกด้วยเจตนาดี มันถือเป็นการทำผิดจรรยาบรรณไหมคะ?”
ขุดหลุมแล้ว อาจารย์โดดลงมาสิคะ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย