“หนูจะทำอะไรได้ สอบได้แค่ไหนก็แค่นั้น ขนาดเลี่ยวฟู่กุ้ยยังทำอะไรไม่ได้ พวกหนูก็จนปัญญา”
เสี่ยวเชี่ยนพูดไปตามความจริง น้องเธอไม่ได้โง่ อีกทั้งยังเป็นคนช่างสังเกต แต่เรื่องการเรียนไม่เอาไหนจริงๆ
ตอนสอบเข้ามอปลายเธอกับอวี๋หมิงหลางผลัดกันติวให้ เอาแส้หนังเล็กๆคอยตี น้องชายเธอถึงได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่แย่ที่สุดได้ หลังจากที่เจี่ยซิ่วฟางปรึกษากับเสี่ยวเชี่ยนแล้วจึงตัดสินใจยอมจ่ายแพงเอาเฉินจื่อหลงเข้าโรงเรียนเอกชนชั้นดี ต่อมาก็ได้ดอกเตอร์ในบ้านช่วยติวให้ตัวต่อตัว แล้วก็ได้คะแนนจำลองการสอบครั้งที่สาม 250…
แม้แต่อวี๋หมิงหลางยังสงสารเลี่ยวฟู่กุ้ย ที่พี่ฟู่กุ้ยต้องนอนซมคงเพราะรับไม่ได้
“คะแนนแบบนั้นเรียนปวส.ยังอาจจะไม่ได้เลย หรือนี่ฉันจะต้องยัดเงินให้เข้าเรียนปวส.หรือไม่ก็อาชีวะแล้วก็ใช้เงินซื้อใบจบให้เหรอ?” ตอนนี้เจี่ยซิ่วฟางโมโหมาก ช่วงสองปีมานี้เธอไม่ทำงานรับซื้อเศษวัสดุก่อสร้างแล้ว ไปเปิดร้านซักแห้งขนาดใหญ่แทน จ้างคนมาทำงานหมด เธอก็แค่ไปดูที่ร้านบ้างเพื่อตรวจเช็คบัญชี
ฐานะดีขึ้นแล้ว เงินที่ได้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เพียงพอที่จะให้เธอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้ต่อไปอย่างไม่ลำบาก ตึกแถวที่อยู่ในเมืองก็ได้ค่าเช่า รายจ่ายในบ้านพ่อเลี่ยวก็เป็นคนออก วันๆเจี่ยซิ่วฟางใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นคุณนายผู้พิพากษา
อย่างเดียวที่ทำให้ไม่สบายใจก็คือเส้นทางอนาคตของลูกชาย ไม่อยากให้ลูกชายความรู้น้อยต้องไปทำงานเป็นลูกน้องระดับล่างมีชีวิตลำบากเหมือนตัวเธอ แต่เด็กคนนี้เรื่องเรียนไม่เอาไหนเลยจริงๆ จะทางไหนก็มองไม่เห็นหนทาง
“เรื่องของน้องเดี๋ยวหนูขอปรึกษากับอวี๋หมิงหลางก่อนแล้วค่อยให้คำตอบนะแม่” เสี่ยวเชี่ยนวางแผนอนาคตของน้องชายไว้แล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้ถามความเห็นของน้องชาย
“น้องชายแกนี่น่าปวดหัวจริงๆ แกเองก็เหมือนกัน” เจี่ยซิ่วฟางบ่น
“หนูว่าแม่เนี่ยพอเป็นคุณนายผู้พิพากษาแล้วชักจะเอาใหญ่ หนูไปทำให้ปวดหัวตรงไหน?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ยอม
“แกกับหมิงหลางหมั้นกันมานานเท่าไรแล้ว? แกจะจบปริญญาโทอยู่แล้ว ทำไมเขายังไม่พูดเรื่องแต่งงานกับแกอีก? พวกแกนอนด้วยกันตั้งกี่ครั้งแล้ว ฉันนี่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แกก็อายุมากขึ้นทุกวัน—”
“เดี๋ยวนะแม่ หนูอายุมาก?” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนโดนโจมตีอย่างรุนแรง
เธอเรียนจบก่อนสองปี ตอนนี้เพิ่งอายุยี่สิบนิดๆ เป็นเหมือนดั่งดอกไม้แรกแย้ม ทำไมถูกแม่ทำเหมือนกับเธอกำลังจะแก่?
“ลูกสาวของน้องชายน้องสาวอาเลี่ยวของแกอายุเท่าแกแต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว เมื่อวานยังอุ้มลูกมาให้ฉันดู แกกลับไปถามหมิงหลางดู ถ้าได้ก็จัดงานแต่งไปเลย จะยื้อไว้ทำไม ตอนแกเรียนจบฉันก็อยากให้แกแต่งงานแล้ว แต่แกบอกขอเรียนจบปริญญาโทก่อนค่อยว่ากัน นี่อีกเดี๋ยวก็จะจบแล้ว ฉันล่ะกลัวแกจะบอกขอจบดอกเตอร์ก่อนค่อยว่ากัน…”
เจี่ยซิ่วฟางพูดด้วยเสียงสูงมาตลอด เสียงดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ไปเข้าหูอวี๋หมิงหลาง เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเซ้นสิทีฟเขาให้ความสนใจทันที เขาแสดงท่าทีแอบฟังอย่างชัดเจน ถึงขนาดที่ว่าหยิบโทรศัพท์จากมือเสี่ยวเชี่ยนมากดเปิดลำโพง
เสี่ยวเชี่ยนโมโหจนกระทืบเท้าเขา แต่ก็ไม่อาจขัดขวางจิตใจที่แน่วแน่ของพี่หลางที่อยากฟังเรื่องสำคัญ
เขายังส่งสายตาได้ใจไปให้เธอ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคุณนะ มันเกี่ยวกับผมด้วย
อาศัยความตัวสูงกว่า อวี๋หมิงหลางชูโทรศัพท์ขึ้น เสี่ยวเชี่ยนกลัวแม่จะพูดอะไรแปลกๆออกมา จึงรีบพูดดักคอไว้ก่อน
“พูดจาระวังหน่อยนะแม่ อย่าพูดอะไรที่ไม่ผ่านสมองออกมา”
“ไอ้ลูกเวรนี่ ถ้าฉันพูดไม่ใช้สมอง แล้วทีแกทำเรื่องที่ควรทำบ้างไม่ควรทำบ้างล่ะผ่านสมองหรือยัง? ผ่านแต่ไตใช่ไหมล่ะ”
คนเป็นแม่เวลาคุยกับลูกสาวจะไม่สนอะไรทั้งนั้น เจี่ยซิ่วฟางรู้ที่ไหนกันว่าลูกเขยก็อยู่แถวนั้นด้วย
“แม่งานยุ่งไม่ใช่เหรอ รีบไปทำเถอะ ถ้าแม่ยังไม่ไปจ่ายตลาดทำกับข้าวอีกอาเลี่ยวหิวไส้ขาดแน่” เสี่ยวเชี่ยนหมดแรงแล้ว นี่เธอมีแม่ที่โหดร้ายกับลูกสาวแบบนี้ได้ยังไงนะ?
“แกอย่ามาทำเฉไฉ รีบไปคุยกับหมิงหลางเรื่องแต่งงาน เด็กคนนี้นี่ ถ้ากล้านอนด้วยกันแล้วไม่แต่ง ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย