เธอจัดรายการอยู่ด้านใน ส่วนเขานั่งอ่านบันทึกที่ลอกมาเมื่อตอนกลางวันอยู่ด้านนอก เนื่องจากมีเขามาอยู่ด้วย วันนี้เหม่ยเหวยจึงจัดรายการอย่างอารมณ์ดี ผู้ฟังที่โทรเข้ามาจึงรู้สึกดีเหมือนมีสายลมยามฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน
รูปแบบการจัดรายการแบบพิเศษเมื่อวานนี้ทำให้ผู้ฟังหลายคนกลับไปคุยกับคนรอบตัว บอกว่ามีรายการแนวพูดคุยรายการหนึ่งที่จัดตอนกลางคืนฟังแล้วได้แง่คิดมาก ทัศนคติตรงไปตรงมา ดังนั้นวันนี้ผู้ฟังจึงมากกว่าปกติ บวกกับเสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ดีขึ้นไปอีก ยอดคนฟังจึงยิ่งเหนียวแน่นขึ้น
ความปรารถนาที่เธออยากถูกไล่ออกจึงยากที่จะเป็นจริง
เสี่ยวเชี่ยนถือเป็นพนักงานชั่วคราว แต่ผู้บริหารก็มีโต๊ะทำงานให้เธอ ซึ่งเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร อวี๋หมิงหลางนั่งอ่านบันทึกของตัวเองอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ
เนื้อหาในสมุดถูกจดด้วยสัญลักษณ์แบบที่เขาเข้าใจคนเดียว เป็นข้อมูลที่เขาได้จากการอ่านเมื่อตอนกลางวันที่ร้านหนังสือ ที่จดด้วยภาษาแบบนี้ก็เพราะกลัวเธอจะเข้าใจว่าเขาเขียนอะไร เพราะสิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับเธอ
อวี๋หมิงหลางกำลังใช้ความคิด ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีใครมาตีบ่า
เย่เสียวอวี่ยิ้มกว้างให้เขา
“ไงเพื่อน เจอกันอีกแล้วนะ”
“เธอเองเหรอ” อวี๋หมิงหลางนึกถึงเมื่อคืนที่มีปากเสียงกับเสี่ยวเชี่ยนเล็กน้อยเพราะเรื่องเสียวอวี่ ภูมิคุ้มกันที่เสี่ยวเชี่ยนฉีดให้ออกฤทธิ์แล้ว เขาเลื่อนเก้าอี้มีล้อถอยหลังออกไปหน่อย เพื่อเว้นระยะกับเย่เสียวอวี่
พอนึกถึงความรู้เรื่องโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการแต่งหน้าที่เสี่ยวเชี่ยนบอกเมื่อคืน อวี๋หมิงหลางจึงสังเกตไปที่ใบหน้าของเย่เสียวอวี่
พอลูกเชี่ยนพูดแบบนั้นแล้วลองสังเกตดูดีๆ เย่เสียวอวี่แต่งหน้าจัดจริงด้วย ถึงเธอจะพยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติ แต่เมื่อเทียบกับเสี่ยวเชี่ยนที่หน้าสดแล้วดูแตกต่างกันมาก
เห็นแบบนี้แล้วลูกเชี่ยนของเขาใบหน้าเพอร์เฟคจริงๆ จะแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ดูดี โดยเฉพาะปากเล็กๆนั่นหอมสดชื่นเหมือนกลิ่นผลไม้ ตอนไม่จูบปากอมชมพูน่ารัก พอจูบแล้วสีก็จะเข้มขึ้นหน่อย ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็น่าหลงใหล ผู้หญิงข้างนอกนี่มีไว้เพื่อให้ลูกเชี่ยนของเขาดูเด่นขึ้นหรือเปล่านะ?
ตอนนี้สมองของอวี๋หมิงหลางเต็มไปด้วยการอวยลูกเชี่ยนของตัวเอง ในขณะที่คุยเรื่อยเปื่อยกับคนอื่นยังแบ่งสมาธิไปคิดถึงเสี่ยวเชี่ยนได้
เขาน่ะคิดถึงเสี่ยวเชี่ยน แต่เย่เสียวอวี่กลับรู้สึกว่าเขาเอาแต่จ้องหน้าเธอ ไม่เสียทีที่เธอมาเฝ้าอยู่แถวนี้เพื่อที่จะได้ทำเป็นบังเอิญมาเจอเขา
“หมิงหลาง หลายปีมานี้สบายดีไหม นายทำงานอะไรอยู่ ทุกครั้งเวลารวมรุ่นนายไม่เคยมาเลย” ในมือของเย่เสียวอวี่มีกาแฟสองแก้ว เธอหยิบแก้วหนึ่งยื่นให้เขา
“เรื่องงานเป็นความลับ”
ถามไปตั้งเยอะ อวี๋หมิงหลางตอบกลับมาสั้นๆ บรรยากาศจึงค่อนข้างกระอักกระอ่วน
เย่เสียวอวี่ลากเก้าอี้ที่อยู่ข้างเขามานั่ง
“หมิงหลางนายดูเปลี่ยนไปเยอะนะ”
“ตอนนี้เราเป็นผู้ชายที่กำลังจะมีครอบครัว จะให้เป็นเหมือนตอนเรียนได้ยังไง”
คำพูดของอวี๋หมิงหลางทำให้แววตาของเย่เสียวอวี่ดูหม่นลง แต่เธอก็ยิ้มกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“นายรู้จักกับคู่หมั้นได้ยังไงเหรอ เมื่อไรจะพาไปแนะนำในงานรวมรุ่นล่ะ ทุกคนเป็นห่วงนายนะ จริงสิหมิงหลาง ขอเบอร์มือถือหน่อย อีกหน่อยมีงานรวมรุ่นฉันจะได้โทรบอก”
“โทรศัพท์แบตหมด เบอร์ก็จำไม่ได้ งั้นเอาแบบนี้ เดี๋ยวเราเขียนเบอร์ของคู่หมั้นให้ เธอมีธุระอะไรก็โทรหาเขา เราทำงานที่ค่อนข้างเป็นความลับน่ะจะติดต่อไม่ค่อยได้ ถ้าพวกเพื่อนๆมีอะไรให้ช่วยก็ให้โทรบอกคู่หมั้นเราได้เลย”
เย่เสียวอวี่รู้สึกเหมือนรอยยิ้มจะแขวนไว้บนหน้าไม่อยู่แล้ว
“หมิงหลาง เมื่อก่อนนายไม่ใช่แบบนี้เลยนะ ทำไมเอะอะก็พูดถึงแต่คู่หมั้นล่ะ”
เมื่อก่อนเวลาไปตีเทนนิสกับเขา พูดอยู่แค่ไม่กี่ประโยค รู้สึกเหมือนเขาเห็นเธอเป็นเครื่องส่งลูกบอล แล้วทำไมตอนนี้พูดถึงผู้หญิงคนอื่นมากขนาดนี้?
แต่ละคำช่างเสียดแทงใจ…
“ใช่ พูดว่าคู่หมั้นติดปากไม่ได้แล้ว” อวี๋หมิงหลางเห็นด้วย เย่เสียวอวี่กำลังจะหวนรำลึกความหลังอันสวยงามตอนเล่นเทนนิสกับเขา แต่ก็ได้ยินเขาพูดต่อ
“เดี๋ยวก็จะกลายเป็นภรรยาแล้ว ต่อไปต้องเรียกว่าเมียจ๋า”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย