พอนึกภาพเสี่ยวเชี่ยนออดอ้อนขอร้องด้วยความสงสารแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจเบิกบาน ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีแล้วทาสีต่อ
“ในยามหนึ่งพี่หลางนั้นกระโดดออกมาจากกำแพงสีชมพู เสียวเหมยก็เอ่ยขึ้นมาว่า พี่ช่างแสนดีอะไรอย่างนี้~”
เอาเพลงมาดัดแปลงร้องเองเสียคล่องปาก ตั้งแต่ยามหนึ่งไปจนถึงยามห้า ยิ่งร้องยิ่งติดเรทมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็อินสุดๆ ถ้ามีคนเดินผ่านมาแถวเขตที่พักอาศัยนี้แล้วเห็นรักษาการแทนหัวหน้าใหญ่อยู่บนนั่งร้านกำลังทาสีพลางฮัมเพลงที่เนื้อร้อง18+ มีหวังได้ตกตะลึงแว่นตกแน่นอน
นี่คือบ้านที่เขาไปยื่นคำร้องขอมา หลังแต่งงานก็จะได้ให้เสียวเหม่ยย้ายเข้ามาอยู่ได้แล้ว~ ได้เห็นหน้ากันทุกวัน ถึงตอนนั้นความสุขจะอยู่แค่การร้องเพลงเหรอ?
“ยามห้าพี่หลางคนนั้นถอดกางเกงออก—” ขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังอารมณ์สุนทรีย์โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบออกมาดู พอเห็นข้อความก็ตกใจมือสั่น แล้วโทรศัพท์ก็ผลุบ—
ตกลงไปในถังสี
เสี่ยวเชี่ยนส่งข้อความมาสั้นๆ
ที่รักรีบนอนนะ
พอส่งข้อความเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็อารมณ์ดีมาก
ข้อความสั้นๆแค่นี้คงพอให้ตาฮัสกี้ดีใจไปหลายวันเลยหรือเปล่า? เวลาว่างๆเขาจะได้หยิบออกมาดูแก้คิดถึง คู่หมั้นที่แสนเอาใจใส่ทำให้เขาได้มีข้อความอันแสนอบอุ่นไว้ดู—แต่เปล่าเลย
อวี๋หมิงหลางอึ้งกับข้อความนั้นจนมือสั่น โทรศัพท์ที่แข็งแกร่งถึงขนาดกะเทาะเปลือกวอลนัทได้ตกลงไปในถังสีด้วยเส้นโค้งอันสวยงาม สีกระเด็นออกมาเลอะเป็นจุดๆเหมือนกับใจที่สลายของเสี่ยวเฉียง
อ๊ากกกก! ยังดูไม่หนำใจเลย โทรศัพท์ที่กะเทาะเปลือกวอลนัทได้แต่ไม่กันน้ำ ทำไงดี…
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่าตาฮัสกี้ของเธอนั้นได้ทำโทรศัพท์แสนรักร่วงลงในถังสีขณะที่เขากำลังทำเซอร์ไพร้ส์ให้เธอ
พอวางสายแล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็เห็นอวี๋หลิวเหมยจัดวางของในกระบะทรายเสร็จพอดี
“ผลงานของคุณได้สะท้อนให้เห็นถึงความกลุ้มใจเล็กๆน้อยๆที่คุณมีในช่วงนี้ ดูนี่นะ ต้นแอปเปิ้ลอดัมกับอีฟที่คุณทำมันแสดงถึงความวิตกกังเวลเกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งความกังวลนี้อาจมาจากคนในครอบครัวคุณเมื่ออายุประมาณสิบขวบ” เลี่ยวฟู่กุ้ยยังไม่ทันพูดจบก็รู้สึกถึงสายตาอันร้อนแรงสาดมาที่ตัวเขา
ดวงตาของอวี๋หลิวเหมยเปล่งประกาย เธอรู้สึกเลื่อมใสเขามาก
“พี่ไปนั่งดูดวงตามสะพานลอยได้เลยนะเนี่ย ตอนสิบขวบก็ดูออกด้วยเหรอ?!”
ทำไมคนที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องประสาทถึงได้เก่งขนาดนี้ แม่นยิ่งกว่าพวกหมอดูอีก
เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่เคยเจอคนที่แสดงความเลื่อมใสซึ่งๆหน้าแบบนี้ ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวแล้วจึงพูดอย่างเขินๆ “นี่เป็นหนึ่งในงานของผม ไม่มีอะไรหรอก…”
“เขาเก่งเรื่องการวิเคราะห์กระบะทรายมาก พี่ก็เรียนมาจากเขานี่แหละ” เสี่ยวเชี่ยนมองผลงานของอวี๋หลิวเหมย เธอเห็นด้วยกับคำพูดของเลี่ยวฟู่กุ้ย
“ไม่ขนาดนั้น พวกเราเรียนกันคนละด้าน เธอเองก็เก่งมาก ให้ความรู้พี่มาไม่น้อย…” เลี่ยวฟู่กุ้ยถูกสาวทั้งสองคนชมจนหน้าแดงก่ำ
“แต่ทำไมถึงระบุอายุได้ด้วยล่ะ รู้สึกพวกพี่เทพมากเลยนะ!” อวี๋หลิวเหมยพอได้ยินว่าพี่ชายใส่แว่นคนนี้เคยสอนพี่สะใภ้ที่รอบรู้ทุกอย่างด้วยก็ยิ่งเลื่อมใสมากกว่าเดิม
“อันที่จริงเกมกระบะทรายก็เหมือนปากกากับกระดาษ ผู้เข้ารับคำปรึกษาจัดวางของในกระบะทรายตามใจต้องการ ผู้ให้คำปรึกษาทำการวิเคราะห์ก็เหมือนกับการเขียนความคิดที่อยู่ในจิตใต้สำนึกออกมาให้เห็น การมองสิ่งที่อยู่ในกระบะทรายออกไม่เพียงแต่จะสามารถเข้าไปในโลกของผู้เข้ารับคำปรึกษาได้ ยังใช้เยียวยาจิตใจได้ด้วย อย่างเช่น…”
เลี่ยวฟู่กุ้ยเริ่มอธิบายให้อวี๋หลิวเหมยฟัง เสี่ยวเชี่ยนดูแล้วไม่มีอะไรจะพูดแทรกจึงยกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมานั่งเขียนรายงานบนโซฟา เงยหน้ามองพวกเขาเป็นระยะ
เลี่ยวฟู่กุ้ยพอคุยถึงสิ่งที่ตัวเองถนัดก็พูดเก่งมาก สายตาที่มองอย่างเลื่อมใสของอวี๋หลิวเหมยยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เขาอยากพูด คนหนึ่งตั้งใจพูดอีกคนก็ตั้งใจฟัง



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย