Oneเป็นบุคคลที่เปรียบเสมือนตราสัญลักษณ์อันมีเกียรติของหน่วยรบพิเศษทหารบก ทหารที่เขาเป็นคนฝึกมาล้วนมีอัตราการตายและได้รับบาดเจ็บที่น้อยมาก ทีมของเขาตอนอยู่ที่หน่วยเก่าเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาทุกทีม เป็นจอมทหารในจอมทหารอีกที
หน่วยรบพิเศษเป็นสถานที่อันมีเกียรติที่ทหารทุกคนล้วนใฝ่ฝัน บางคนอยากเป็นจอมทหารอันมีเกียรติด้วยใจจริง แต่บางคนก็อยากเป็นเพราะสวัสดิการต่างๆที่ดีมาก ทหารหน่วยรบพิเศษชั้นยอดที่ต้องย้ายงานล้วนมีแต่หน่วยงานใหญ่ๆแย่งชิงตัว โดยเฉพาะหน่วยงานตำรวจและตำรวจปฏิบัติการพิเศษ
หม่าลุ่ยเป็นแบบที่สอง เขาอยากเป็นทหารหน่วยรบพิเศษเพราะสิทธิพิเศษต่างๆมากมาย เขาเป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริงมาก
จะบอกว่าเขาไม่ดีก็ไม่ถูก เพียงแค่สภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตในวัยเด็กทำให้เขามีความทะเยอทะยานมากกว่าคนอื่น อีกหนึ่งปีเขาก็สามารถย้ายงานได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้ถึงได้กระตือรือร้นอยากหาแฟนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเมืองใหญ่ เพื่อที่ตัวเองจะได้ย้ายมาอยู่ด้วย แต่ถ้าได้เข้าไปทำความรู้จักกับOne สามารถใช้เส้นสายเข้าไปอยู่หน่วยเสินเจี้ยนได้ ต่อไปเรื่องย้ายงานก็ยิ่งง่าย
เสี่ยวเชี่ยนเหวี่ยงเบ็ดไปตกหม่าลุ่ย ด้านหนึ่งก็แฟนที่กำลังคุยเรื่องแต่งงาน อีกด้านก็เสี่ยวเชี่ยนที่รู้จักกับOneบุคคลในตำนานที่อาจช่วยเขาไต่เต้าได้ เธออยากจะรู้จริงๆว่าหม่าลุ่ยจะเลือกยังไง
ประธานเชี่ยนไม่เคยคาดการณ์ผิด
ถึงแม้บางครั้งจะชอบล้อเล่นว่าตัวเองเป็น ‘เทพ’ แต่เธอก็ไม่เคยเอาความฉลาดของตัวเองไปแกล้งใครส่งเดช
หากใช้คำพูดของอวี๋เสี่ยวเฉียงก็คือ ในใจของเสี่ยวเชี่ยนเหมือนมีมาตรวัดที่จิตแพทย์ใช้รักษาคนไข้ ท่าทีที่เธอมีต่อคนอื่นล้วนขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายล้ำเส้นเธอหรือเปล่า
ตอนที่เธอลองใจหม่าลุ่ย อันที่จริงก็ถือว่าได้ให้โอกาสสุดท้ายกับเขาแล้ว
เธออยากรู้ว่าระหว่างเรื่องงานกับแฟน หม่าลุ่ยจะเลือกอย่างไหน เรื่องแยกรถกันนั่งแบบนี้ถ้าใครฉลาดหน่อยก็จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติ ถ้าเป็นผู้ชายที่รักแฟนมากหน่อยไม่มีทางยอม เธอกล้าพนันเลยว่าถ้าเป็นเสี่ยวเฉียงเจอเรื่องแบบนี้คงยอมไม่นั่งไปด้วย แล้วเรียกรถไปกับแฟนต่างหาก เขาไม่มีทางอยากประจบใช้เส้นสาย
และถ้าหม่าลุ่ยใช้สมองสักนิด รู้จักระงับความทะเยอทะยานของตัวเอง นั่งรถไปกับหลิวเหมยก่อน จากนั้นค่อยไปประจบเสี่ยวเชี่ยนทีหลัง
แต่คนบางคนก็ใจร้อนเกินไป แรงปรารถนาในด้านการงานแรงกล้า เพียงแค่หย่อนเบ็ดไปให้เบาๆก็งับโดยไม่ลังเล
“หลิวเหมยคุณนั่งไปกับพ่อแม่ผม ดูแลคนแก่ด้วย” หม่าลุ่ยพูดกับหลิวเหมย
หลิวเหมยมองเขาเงียบๆ ไม่พูดอะไร
เมื่อวานตอนที่ประธานเชี่ยนอบรมเธอ จากที่เธอเคยคิดหนักเรื่อง ‘ควรแต่งงานกับคนๆนี้ดีหรือเปล่า’ กลายเป็น ‘บอกเลิกอย่างไรถึงจะได้ไม่เป็นการทำร้ายจิตใจ’ ตอนนี้เธอยิ่งมีความคิดอยากบอกเลิกมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
ส่วนฟู่กุ้ยก็เห็นได้ถึงความผิดหวังในดวงตาของหลิวเหมย ในใจเขาทั้งเห็นใจทั้งโกรธ
ทำไมน้องนุ่มนิ่มต้องถูกคนทำตัวแบบนี้ใส่
ระหว่างทางไปหลิวเหมยนั่งตำแหน่งข้างคนขับ ส่วนคนแก่สองคนที่นั่งข้างหลังก็นั่งคุยเรื่อยเปื่อย แต่ฟู่กุ้ยสังเกตได้ว่าหลิวเหมยดูนั่งไม่สบาย
เธอตัวสูง เบาะข้างคนขับของรถเซี่ยลี่มือที่เท่าไรแล้วไม่รู้คันนี้ดูไม่เหมะกับคนตัวสูงอย่างเธอเท่าไร
ครั้นแล้วหลังจากที่เลี่ยวฟู่กุ้ยเคยเปลี่ยนโทรศัพท์เพราะคุยๆกับหลิวเหมยอยู่แล้วแบตหมด ตอนนี้เขามีความคิดที่อยากเปลี่ยนรถแล้ว
“หลิวเหมย ต่อไปซื้อรองเท้าส้นสูงน้อยๆหน่อยนะ ผู้หญิงน่ะใส่ส้นสูงบ่อยๆไม่ดีหรอก” แม่หม่าพูดขึ้น
เธอจะใส่อะไรก็เรื่องของเธอไหมล่ะ ยุ่งอะไรด้วย ฟู่กุ้ยตะโกนในใจ มือที่จับพวงมาลัยรถกำแน่นกว่าเดิม
“นั่นสิ ต่อไปถ้ามีลูก ใส่รองเท้าส้นสูงมันไม่สะดวกนะ” พ่อหม่าพูดเสริม
เป็นผู้ชายมายุ่งอะไรเรื่องรองเท้าผู้หญิง พ่อเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ทำตัวจุกจิกเป็นผู้หญิง ชอบ ยุ่ง ฟู่กุ้ยตะโกนในใจ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย