“ฉันอยากทำให้ได้อย่างที่พ่อฉันคาดหวัง ฉันอยากให้ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงแกร่งที่เด็ดเดี่ยวเหมือนอย่างคนที่พ่อฉันชอบพูดถึงบ่อยๆ ทุ่มเทให้กับธุรกิจ ผู้หญิงถ้าอยากไปสู่จุดที่สูงก็ต้องแลกมาด้วยบางอย่าง ฉันคิดว่าตัวเองก็สามารถทำได้ แต่ฉันกลับควบคุมความเสียใจไม่ได้…ฉันทำให้พ่อผิดหวังใช่ไหม
“เด็กโง่ ใครบอกกันว่าผู้หญิงแกร่งจะมีครอบครัวที่ไม่มีความสุข” เสี่ยวเชี่ยนเช็ดน้ำตาให้เธอ
“ฉันวิเคราะห์เอาเอง ผู้หญิงเก่งๆที่พ่อยกตัวอย่างมาถ้าไม่หย่าก็เป็นโสด จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมรับเรื่องที่ผู้หญิงเก่งกว่าตัวเอง หาเงินได้มากกว่าตัวเองได้ พองานยุ่งไปถึงระดับหนึ่งก็ไม่มีเวลามานั่งสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆ เชี่ยนเอ๋อ เธอเองก็เคยพูดกับฉันว่า ผู้หญิงถ้าถึงจุดที่แข็งแกร่งมากๆก็ไม่จำเป็นต้องง้อผู้ชายแล้ว”
ฉึก อวี๋หมิงหลางเกือบกัดไม้จิ้มฟันหัก เขาหันขวับไปมองเสี่ยวเชี่ยน ผู้หญิงตัวแสบพวกนี้เคยคุยกันเรื่องที่จะทำให้สัตว์โลกสูญพันธุ์ด้วยเหรอ
เสี่ยวเชี่ยนไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าอวี๋หมิงหลางจ้องมาอย่างไม่สบอารมณ์ เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วปลอบสุ่ยเซียนต่อ
“ฉันเคยพูดแบบนั้นก็จริง—” นี่ ผู้ชายที่ชอบอาละวาดข้างหลังนั่นน่ะ ฟังให้จบก่อนแล้วค่อยโมโหได้ไหม
“ดูสิ เธอยังยอมรับว่าเคยพูดแบบนี้เลย” สุ่ยเซียนเสียใจหนักกว่าเดิม รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับคำถามที่ต้องเลือกตอบระหว่างจะเลือกธุรกิจหรือครอบครัว
“ฉันเคยพูด แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่แน่นอนเสมอไป ผู้หญิงที่แข็งแกร่งจนถึงจุดหนึ่งไม่ต้องง้อผู้ชายได้ก็จริง ยกตัวอย่างแฟนเก่าของหลิวเหมย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ จิตใจคับแคบ เห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องมือผลิตลูก มีแฟนแบบนั้นแล้วจะมีไปทำไม แต่ถ้าเป็นแบบเสี่ยวเฉียงของฉัน อย่างจูขี้บ่น มีแต่ข้อดีเข้าอกเข้าใจพวกเรา ผู้ชายที่มีแต่จะส่งเสริมกันและกันแบบนั้นต้องการก็ได้นะ”
ประโยคสุดท้ายของเสี่ยวเชี่ยนเธอมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังสุ่ยเซียนพลางพูด ผู้ชายคนนี้เหงื่อท่วมตัว ยืนหอบพลางมองเสี่ยวเชี่ยนที่กอดสุ่ยเซียนอยู่
ในที่สุดก็มาสักที
เสี่ยวเชี่ยนมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังสุ่ยเซียน แล้วยิ้ม
ตานี่ก็เก่งนะ ตั้งแต่วางสายจนถึงตอนนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเอง บังคับแท็กซี่ให้รีบบึ่งมาที่นี่สินะ
ด้านหลังสุ่ยเซียนหันไปหาจูขี้บ่น เธอจึงไม่เห็น เธอยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นระบายความอัดอั้นตันใจต่อ
“แต่ฉันให้อะไรเขาไม่ได้เลย ฐานะครอบครัวของเต๋อซีก็ใช้ได้ แล้วเขาจะอยากได้เงินของบ้านฉันทำไม นอกจากเงินแล้วฉันก็ให้อะไรเขาไม่ได้เลย ฉันเป็นแค่ตัวถ่วงอนาคตของเขา ฉันอยากให้ตัวเองเกิดมาในครอบครัวธรรมดาจริงๆ ถ้าเป็นสามีภรรยาที่เข้ากันได้ดีแบบเธอกับหมิงหลางก็คงดี ฉันเองก็อยากตามไปอยู่กับเขา ฉันเองก็อยากเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ดูแลบ้าน คอยทำกับข้าวรอคนที่รักกลับมาบ้าน แต่ฉันจะทิ้งพ่อได้ยังไง จะทิ้งธุรกิจที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อหลายปีของพ่อได้ยังไง ฉันไม่มีทางทิ้งพ่อได้หรอก พ่อฉันดูแลฉันมาตลอดชีวิต ให้ชีวิตให้ทุกอย่าง ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“คุณตามไปอยู่กับผมไม่ได้ งั้นผมจะไปทำธุรกิจกับคุณ คุณไม่มาถามผมแล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมไม่แคร์คุณ คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณให้อะไรผมไม่ได้เลย”
เสียงนี้ทำให้สุ่ยเซียนหยุดชะงัก ตัวแข็งทื่อไปหมด นี่เธอหูแว่วเหรอ
เสียงที่เคยอยู่ในความฝัน หรือว่า หรือว่า—
“ไอ๊หยา ซึ้งสุดๆไปเลย” หลิวเหมยเช็ดน้ำตา เธอจะร้องไห้แล้วนะ นี่มันละครดราม่าแห่งปี จากความรักอันขื่นขมจนมาถึงจุดเปลี่ยน ยิ่งดูก็ยิ่งซึ้ง
ฟู่กุ้ยยื่นกระดาษทิชชู่ให้เงียบๆ เขารู้สึกว่าเสี่ยวเชี่ยนวิเคราะห์ได้ถูกต้องมาก หลิวเหมยเป็นผู้หญิงที่ภายนอกดูเข้มแข็งแต่ภายในอ่อนไหว จิตใจของเธอไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนภายนอกที่แสดงออก
สุ่ยเซียนตัวแข็งอยู่นานไม่กล้าหันไป เธอกลัวว่าหันไปแล้วทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า เป็นแค่ภาพลวงตา
เสี่ยวเชี่ยนให้กำลังใจเธอ
“ไปเผชิญหน้ากับเรื่องที่เธอควรเผชิญเถอะ ธุรกิจกับครอบครัวไม่ใช่เรื่องที่ต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง พ่อบุญธรรมยกแต่ผู้หญิงแกร่งที่ชีวิตคู่ไม่ราบรื่นมาให้เธอเห็น เธอก็เลยคิดว่าผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จต้องสูญเสียคนรัก ฉันไม่ปฏิเสธนะที่ว่าผู้หญิงที่เก่งมากๆจะล้มเหลวในเรื่องชีวิตคู่มากกว่าผู้หญิงทั่วไป ซึ่งมันก็เกี่ยวกับนิสัยของผู้ชายหัวโบราณด้วยแหละ ผู้ชายส่วนหนึ่งเห็นแก่ศักดิ์ศรีของตัวเองเลยยอมรับไม่ได้ถ้าแฟนตัวเองจะเก่งกว่า ผู้ชายบางคนยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน แต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่ไม่อยากได้เงิน ไม่แคร์เรื่องพวกนั้น มีความรักที่บริสุทธิ์”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย