ไป๋จิ่นไม่ประทับใจฉิวฉิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ไม่ใช่แค่เพราะฉิวฉิวแต่งตัวแหวกแนวเกินไป แต่ยังเพราะครั้งก่อนที่เจอกันฉิวฉิวถูกผู้หญิงตบแล้วเอาน้ำราดหัว
“บางครั้งสิ่งที่ตาเธอเห็นใช่ว่าจะเป็นอย่างที่เธอคิดเสมอไป ก็เหมือนกับเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ผู้ชายที่ดูอ่อนโยนใช่ว่าจะไม่ลงไม้ลงมือ ผู้ชายที่แต่งตัวทันสมัยก็อาจไม่ใช่คนที่พึ่งพาได้” เสี่ยวเชี่ยนพูดกับไป๋จิ่น
ไป๋จิ่นหันไปมองฉิวฉิวโดยอัตโนมัติ ประธานเชี่ยนหมายถึงฉิวฉิวเหรอ?
หรือว่าผู้ชายคนนี้…ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิด?
เจอฉิวฉิวครั้งที่สอง ไป๋จิ่นเริ่มเปลี่ยนความคิดเรื่องฉิวฉิวเพราะคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน แต่มากสุดก็แค่ไม่เกลียด ไม่ถึงขนาดที่รู้สึกดีด้วย
“เพิ่งจะไม่กี่โมงไปกินข้าวด้วยกันไหม?” เสี่ยวเชี่ยนถามทุกคน
“ครั้งนี้สัมภาษณ์ไม่ได้แล้ว ฉันยังต้องไปตามข่าวอื่นอีก ไว้ครั้งหน้าแล้วกันค่ะ” ไป๋จิ่นรีบลาทุกคนแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปตามหาข่าวต่อ
“ไม่นึกว่าตอนนี้ยังมีนักข่าวแบบนี้อยู่ นักข่าวที่ฉันเคยเจอเห็นแต่นั่งเทียนเขียนข่าวอยู่ในออฟฟิศ” ฉิวฉิวพูด
“คนที่มีความมุ่งมั่นในอาชีพมักต้องลำบากกว่าคนที่คิดเดินทางลัดเสมอ”
ฉิวฉิวกำลังจะพยักหน้าเห็นด้วยแต่ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดต่อ
“คนขยันก็ยังสู้คนที่มีพ่อเก่งๆคอยหนุนหลังไม่ได้ คนที่มีความมุ่งมั่นแต่ไม่มีคนคอยสนับสนุนที่ดีแบบไป๋จิ่นก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนไป แต่เขาดูมีความสุขนะ ก็ดี แต่ละคนมีชีวิตไม่เหมือนกัน”
“…” ฉิวฉิวกับหลิวเหมยพูดไม่ออก สมกับเป็นประธานเชี่ยน พูดจาเฉียบคม
“ดังนั้นไม่ว่าชีวิตจะบิดเบี้ยวแค่ไหน อนาคตจะลำบากเพียงใด ขอแค่ตัวเองมีความสุขก็เป็นชีวิตที่มีค่าแล้ว” เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าฉิวฉิว ฉิวฉิวรู้สึกสบายใจขึ้น
“ดีจังที่มีพวกเธอ” ถ้าไม่มีประธานเชี่ยน ฉิวฉิวไม่รู้ว่าตอนนี้ชีวิตตัวเองจะลำบากขนาดไหน
“คิดว่าฉันเป็นคนดีสุดๆเลยใช่ไหมล่ะ? ไปเถอะ ยังไม่ได้กินอะไรกันเลย ไปหาที่กินข้าวกัน”
“ได้…เดี๋ยวนะ มีสายเข้า” ฉิวฉิวล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา พอเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอก็มีสีหน้าเย็นชาลงทันที
“ไม่รับเหรอ?” หลิวเหมยเห็นฉิวฉิวกดตัดสาย
“พ่อโทรมา หลายวันก่อนไม่รู้เขาไปได้เบอร์มาจากไหน บอกว่าทางใต้มีหน่วยงานจิตบำบัดที่แก้ปัญหาเรื่องเบี่ยงเบนทางเพศได้ จะให้ฉันไปให้ได้ บอกว่าไปอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนกลับมาก็แต่งงานกับผู้ชายมีลูกได้เลย พูดซะฉันขนลุกไปหมด”
“มีที่แบบนั้นด้วย?” เสี่ยวเชี่ยนขมวดคิ้ว
“ใช่ เห็นบอกว่าไม่ว่าอาการจะรุนแรงขนาดไหน ขอแค่ไปเข้ารับการบำบัดออกมาก็จะกลายเป็นคนปกติ หลอกพ่อฉันว่าออกมาก็แต่งงานมีลูกได้เลย”
“เพ้อเจ้อ อาการภาวะผิดปกติในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศถ้ายังอยู่ในวัยเด็กก็ยังหาวิธีรักษาได้ แต่ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต่อให้ไปหาจิตแพทย์ พวกเราก็ยังต้องทดลองให้ใช้ชีวิตตามเพศตัวเองก่อนหนึ่งปีแล้วค่อยดูกันว่าขั้นต่อไปจะทำยังไง ต่อให้เป็นจิตแพทย์ที่เก่งๆก็ไม่กล้าพูดหรอกว่าหนึ่งเดือนก็มีลูกได้เลย นี่มันเรื่องเพ้อเจ้อชัดๆ”
เสี่ยวเชี่ยนฟังแล้วรู้สึกเหมือนเป็นนิทานหลอกเด็ก
อาการภาวะผิดปกติในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศ ถ้าอยู่ในวัยเด็กยังพอหาทางรักษาได้ แต่สำหรับจิตแพทย์แล้ว คนไข้แบบฉิวฉิวไม่ใช่การต้องมาบังคับให้กลับไปเป็นผู้หญิง แต่ควรหาทางว่าทำอย่างไรไม่ให้ฉิวฉิวกลายเป็นคนซึมเศร้า วิตกกังวล ฆ่าตัวตาย ต้องทำให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข
การทำให้ผู้ป่วยภาวะผิดปกติในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศใช้ชีวิตต่อไปได้ถึงจะเป็นสิ่งที่จิตแพทย์ต้องทำ เพราะอัตราการฆ่าตัวตายของคนที่เป็นแบบนี้มีสูงมาก คนไข้บางส่วนอยากผ่าตัดแปลงเพศ แต่ใช่ว่าทำแล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ในความเป็นจริงทำเสร็จแล้วตายก็มีไม่น้อย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย