พอเข้าบ้านอวี๋หมิงหลางก็เกิดความรู้สึกสับสน เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลาตอนที่เขาไม่อยู่ จัดบ้านใหม่ให้ดูดีอบอุ่นขนาดนี้ แต่เขากลับทำเธอบาดเจ็บ…
เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเขาท่าทางเป็นแบบนั้นก็รีบซบเข้าไปที่อ้อมอกเขาทันที กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว มีแค่การทำแบบนี้เท่านั้นอวี๋หมิงหลางถึงจะโทษตัวเองให้น้อยลง
พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนว่าอวี๋หมิงหลางเคยทำบ้านไว้เป็นอย่างไร แต่พอได้มาเห็นอีกครั้งเกือบคิดว่าตัวเองเข้าผิดบ้านแล้ว
เรือนหอที่เคยน่าเกลียดถูกเสี่ยวเชี่ยนดูแลปรับปรุง กำแพงกับพื้นที่เคยถูกอวี๋หมิงหลางทำหายนะหมดทางจะซ่อมแซม หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนได้ศึกษาหนังสือแต่งบ้านเป็นจำนวนมาก สุดท้ายก็ได้เลือกใช้ของตกแต่งบ้านมาแก้ปัญหา
พื้นที่เป็นสีเขียวคนละแบบไม่เหมือนกัน ตรงกลางถูกแทนที่ด้วยพรมขนยาวสีขาว ด้านบนวางด้วยโต๊ะรับแขกสไตล์ยุโรป สีเขียวของพื้นกลายเป็นสีสันตกแต่งที่ช่วยให้ดูมีระดับมากขึ้น ทางด้านกำแพงสีเทาที่นูนต่ำไม่เท่ากันก็ถูกแขวนประดับด้วยรูปวิวภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ ใช้ประโยชน์จากศิลปะภาพลวงตาทำให้กำแพงดูมีมิติ ห้องรับแขกจากที่เคยมีสภาพเหมือนห้องฟิตเนสกลายเป็นห้องที่ดูทันสมัยขึ้นมาทันตา
ห้องเด็กที่เป็นสีชมพูกับห้องหนังสือจัดการง่ายหน่อย ปูด้วยพรม ทำเพดานใหม่ให้เป็นสีขาวเพื่อที่จะได้ไม่ดูจืดชืดเกินไป อีกทั้งยังได้ต่อชั้นหนังสือชิดกำแพงด้านหนึ่ง จัดวางโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมตกแต่งด้วยผลงานศิลปะ ทำให้รสนิยมแบบบ้านๆกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
แต่ประธานเชี่ยนได้ยอมแพ้เรื่องพื้นกับชักโครกสีชมพูในห้องน้ำแล้ว ของพวกนั้นจัดการยาก ยังดีที่เป็นห้องน้ำในห้องนอนเล็ก ปกติไม่มีคนเข้ามาเท่าไร พอปิดประตูห้องน้ำ รสนิยมเชยๆของอวี๋หมิงหลางก็ถูกกลบเกลื่อนอย่างเพอร์เฟค
จุดที่ประธานเชี่ยนพอใจที่สุดคือ มุมนั่งเล่นริมหน้าต่างในห้องรับแขก เธอทำเป็นซุ้มโค้งแบบเมดิเตอร์เรเนียน พร้อมที่นั่งที่สีเข้ากันได้ดี มีชั้นวางหนังสือไว้วางหนังสือที่เธอชอบ เวลาว่างๆมานั่งอาบแดดตรงนี้ ทำให้บ้านกลายเป็นที่ผ่อนคลายสำหรับเธอ
อวี๋หมิงหลางยืนอยู่ในบ้านที่แสนอบอุ่นที่เขาจำแทบไม่ได้ อ้อมกอดของเขามีภรรยาที่เขาเกือบสูญเสียไป น่าปวดใจจริงๆ นี่เขาเกือบพรากจากเธอไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นคู่พระเอกนางเอกของครอบครัวในเวลานี้ เสี่ยวเชี่ยนถูกบังคับพาเข้าไปนอนพักผ่อนในห้องนอน แม่อวี๋พร้อมพี่สะใภ้ใหญ่กับต้าอีไปซื้อของเพื่อเตรียมทำของบำรุงให้เสี่ยวเชี่ยน พ่อลูกตระกูลอวี๋สามคนจึงนั่งปรึกษากันในห้องรับแขก
พี่ใหญ่ตบบ่าอวี๋หมิงหลาง “แกนี่ก็ใช้ได้นะ บ้านเราเป็นทหารมาสามรุ่น แกเป็นคนแรกเลยนะที่ถูกลงโทษลดตำแหน่ง แต่บทลงโทษของนายพี่ว่าไม่คุ้มเท่าไร กองทัพมีอะไรดี เอางี้มะฉวยโอกาสลาออกมันตอนนี้เลย แล้วไปทำงานกับพี่ดีกว่า”
“ไสหัวออกไปเลยนะ” พลโทอวี๋ชี้หน้าลูกชายคนโตด้วยความโมโห “อย่ามาพูดจาใส่ร้ายกองทัพให้ฉันได้ยิน อยากจะไปไหนก็ไป เจ้าเล็กไม่มีทางลาออก”
พี่ใหญ่ถูกด่ายกใหญ่ “ดูสิผมพูดความจริงพ่อก็ไม่ชอบฟัง เรื่องนี้มันยุติธรรมกับเจ้าเล็กเหรอ? น้องสะใภ้ผมถูกรัดคอเกือบต้องนอนกลายเป็นผัก น้องผมก็แค่อยากทวงความยุติธรรมให้เมียแต่กลับถูกลดตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ งานแบบนี้ไม่เห็นน่าสนใจเลย ไปทำธุรกิจกับพี่ดีกว่า พี่เห็นพรสวรรค์ของแกนานแล้ว”
“อวี๋หมิงลี่ ไสหัวไปเลยนะ ถ้ายังไม่ไปอีกฉันจะซัดแก”
พอเห็นพ่อโมโหพี่ใหญ่ก็ยืนขึ้นเดินไปยังห้องนอนเสี่ยวเชี่ยน จากนั้นก็หยิบเช็คออกมาวางไว้ที่หัวเตียง เสี่ยวเชี่ยนเลิ่กคิ้ว
“เอาไปซื้อของบำรุงนะ เรื่องมันฉุกละหุกพี่เลยไม่ได้ซื้อของบำรุงมาให้เธอ” พี่ใหญ่หันไปมองข้างนอกห้องจากนั้นก็กระซิบพูดกับเสี่ยวเชี่ยน “เชี่ยนเอ๋อ ใช้โอกาสนี้กล่อมเจ้าเล็กหน่อยสิ ให้มันลาออกเลย จะทนทำงานแบบนั้นไปทำไม มาช่วยพี่ดีกว่า ต่อไปพวกเธอสองคนจะได้มีอิสระด้วย”
พี่ใหญ่มองเรื่องนี้จากมุมของนักธุรกิจ น่าโมโหชนิดที่ไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้น้องชายเขาอยู่ในช่วงให้สำนึกผิดห้ามก่อเรื่องอีก เขาคงพาคนบุกไปเอาเรื่องครอบครัวคนบ้านั่นหมดแล้ว บอกว่าคนบ้าฆ่าคนไม่ผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอ เอาให้ยัยป้านั่นเป็นบ้าไปอีกคนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า จากนั้นก็เขียนข้อความให้พี่ใหญ่ พี่ใหญ่อ่านแล้วก็ถอนหายใจ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย