ช่วงเวลาที่ไป๋จิ่นรออยู่ข้างนอกเธอร้อนใจมาก เวลานี้เห็นฉิวฉิวออกมาแล้ว ไม่รู้ทำไม น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา ประโยคแรกที่พูดกลับเป็นการเปิดเผยตัวตน
ฉิวฉิวยังคิดตามไม่ทันว่าไป๋จิ่นเปิดเผยตัวเองแล้ว รู้สึกแค่ว่าเขากับเธอไม่ได้สนิทกัน พอเห็นผู้หญิงคนนี้ร้องไห้ก็อดที่จะรีบปลอบใจไม่ได้
“ผมไม่เป็นไร พ่อก็แค่ขังผมไว้สองวันให้กินแต่ซุปผักกาดขาวจืดๆ ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย”
“ฉันลิลลี่ไง ลูกหนัง ฉันคือลิลลี่น้อยเสียงกังวาน” ไป๋จิ่นร้องไห้น้ำตานองหน้า เวลานี้ทั้งสองคนเพิ่งข้ามผ่านความเป็นความตายมา เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องร้องไห้ขนาดนี้ รู้สึกเหมือนใจจะขาด
“ลิลลี่?” ฉิวฉิวตกใจมาก
นักข่าวคนนี้ก็คือลิลลี่น้อยที่แสนน่ารักที่เขาคุยในเน็ตมาตั้งนานอย่างนั้นเหรอ?
ตอนที่ฉิวฉิวถูกพ่อจับมัดมาทรมานที่บ้านนั้น สิ่งที่เขาเสียดายที่สุดไม่ใช่อะไร ก็คือไม่ได้ไปเจอเพื่อนในเน็ตที่แสนน่ารักคนนี้
ลิลลี่น้อยคนนี้คุยกับฉิวฉิวมานานมาก ถึงทั้งสองคนจะไม่เคยบอกชอบกัน แต่ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นทั้งสองคนกลับสัมผัสได้ ถึงขนาดที่ฉิวฉิวรู้สึกได้ว่าถ้าได้เจอหน้าจะต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแน่นอน
แต่นึกไม่ถึงว่า ทั้งสองคนจะเคยเจอกันมาก่อนแล้ว
และก็ไม่นึกว่าจะมาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้
พอเห็นไป๋จิ่นกอดตัวเองร้องไห้ ความคิดแรกของฉิวฉิวคือ…
“โวะ ถ้ารู้ว่าคุณจะมา ผมน่าจะอาบน้ำก่อนนะเนี่ย อย่าเข้ามานะ เนื้อตัวผมเหม็นมาก โอ๊ย พ่อนะพ่อใจดำจริงๆ ไม่ให้อาบน้ำยังจะให้กินหม้อไฟให้เหงื่อแตกอีก…”
ถึงฉิวฉิวจะไม่ได้มีร่างกายแบบผู้ชาย แต่เขาเหมือนผู้ชายเสียยิ่งกว่าผู้ชาย เจอเรื่องราวมากขนาดนี้ก็ยังเข้มแข็งอยู่ได้ ไป๋จิ่นรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหว ไม่ใช่เพราะเขามีร่างกายเป็นหญิง แต่เพราะชอบนิสัยของเขาที่เป็นแบบนี้
ทั้งสองคนจ้องกันอยู่นาน มีบางอย่างที่อยากพูด แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“ฉิวฉิว พ่อนายทำงานอะไรกันแน่? ไม่เห็นบอกฉันเลยว่าบ้านนายรวยขนาดนี้” เสี่ยวเชี่ยนพูด
หลิวเหมยกับฟู่กุ้ยกอดกันกลมไปแล้ว พอนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วก็น่ากลัวไม่น้อย เกือบจะออกมาไม่ได้แล้ว
“เห้อ อย่าให้พูดเลย ก่อนหน้านี้หลายปีพ่อฉันทำธุรกิจกับคนๆนึง ไม่ประสบความสำเร็จ ช่วงสองสามปีมานี้ตอนที่ฉันไปเรียนมหาวิทยาลัยเขาไปร่วมธุรกิจขุดเหมืองกับคนอื่น ปรากฏว่ารวยขึ้นมาทันตาเห็น พอรวยปุ๊บสิ่งแรกที่นึกถึงก็คือเรื่องฉัน ยังดีนะที่พวกเธอมา ไม่งั้นฉันถูกจับขังไปตลอดชีวิตแน่”
ตอนที่พ่อฉิวฉิวจับฉิวฉิวไปเขาได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้ารักษาฉิวฉิวไม่หายก็จะไม่ปล่อยออกไปไหน
“พวกเขาไม่ได้ช็อตไฟฟ้านายเหรอ? ฉันสืบมาได้ว่าพ่อนายซื้อเครื่องช็อตไฟฟ้า”
“ไม่รู้ว่าเขาไปขุดเจอคนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญคนดังจากประเทศเล็กๆที่ไหนมา เอาแต่บอกว่ารักษาฉันได้ แถมยังหลอกให้พ่อฉันซื้อเครื่องช็อตไฟฟ้าด้วย ตอนที่เขาบอกให้พ่อฉันซื้อพ่อฉันอาจไม่รู้เลยด้วยมั้งว่านั่นใช้ทำอะไร ทางนั้นบอกแค่ว่าใช้รักษา ปรากฏว่าพอเอากลับมาด้วยความสงสัยพ่อเลยเอาไปลองกับหมาทิเบตันมาสทิฟฟ์…ปรากฏว่า…เธอคงเข้าใจนะ”
การช็อตไฟฟ้าเป็นอะไรที่ทรมานมาก คล้ายกับมีมดนับพันนับหมื่นกำลังกัดเส้นเลือด เจ็บปวดเสียจนแทบบ้า
ถึงพ่อฉิวฉิวจะร้อนใจอยากรักษาลูกสาวตัวเองให้หายไวๆ แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะใช้วิธีแบบนี้กับฉิวฉิว จึงยังไม่ให้ช็อตไฟฟ้า โดยบอกว่าขังฉิวฉิวไว้ก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆแล้วค่อยเชื่อผู้เชี่ยวชาญ
“ฉันสืบประเทศนั้นมาแล้ว ไม่ได้มีหน่วยงานแผนกประสาทที่ยอมรับในสากลเลยสักนิด แล้วจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ยังไง? กลับมีแต่วิธีรักษาที่คิดเอาเองว่าดีมากมาย เมื่อปีที่แล้วองค์กรณ์ด้านประสาทที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คนพวกนี้อย่างเปิดเผย แต่พ่อนายกลับเชื่อคนพวกนั้น”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหลือเชื่อมาก การบำบัดจิตใจในประเทศนี้ถึงจะเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน แต่ไม่ได้โง่ถึงขั้นนี้ พ่อฉิวฉิวไปตามหาคนรักษาถึงเมืองนอกแต่กลับเจอคนที่แย่ที่สุด แถมยังไม่เป็นที่ยอมรับจากองค์กรภายนอก แล้วจะเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญได้ยังไง?
พวกต้มตุ๋นล่ะไม่ว่า
“ใครจะไปรู้ว่าพ่อคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นจะใส่ใจฉัน ปีนี้ไม่รู้ทำไมอยู่ๆก็เหมือนคนบ้า อยากให้ฉันกลับไปเป็น ‘ปกติ’ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองโอเคแล้วนะ พ่อนั่นแหละที่ไม่โอเค…แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าคุณคือลิลลี่น้อย”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย