ลูกศิษย์ของชีอวี่เซวียนมีไม่มาก แต่ถ้าเลือกออกมาหนึ่งคนไม่ว่าจะเป็นใครล้วนถือเป็นหัวกะทิของวงการ ต้าอีเพิ่งจบปริญญาตรีได้ใบอนุญาตนักจิตวิทยาบำบัดขั้นสาม แต่ชีอวี่เซวียนให้คะแนนประเมินสูงมาก
แต่ทว่าประธานเชี่ยนกลับไม่ขอรับน้ำใจ นี่เป็นลูกศิษย์ที่เธอปั้นมาด้วยความยากลำบาก ไม่จำเป็นต้องการคำชมจากตาคนชอบทำตัวเพี้ยนนี่
“ในเมื่อคุณไม่อยากให้ผมออกหน้า งั้นผมก็จะไม่ออกหน้า ยังไงซะการแข่งภายในประเทศแบบนี้ก็ไม่ได้น่าสนใจเท่าไร เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมติดต่อการแข่งขันระดับนานาชาติให้คุณ อีกสามเดือนคุณไปเข้าร่วม”
“ไม่สนใจค่ะ”
เธอยังต้องวุ่นอยู่กับการมีลูกนะ มีอารมณ์ไปสนเรื่องบ้าบอแบบนั้นที่ไหนกัน
ศาสตราจารย์ชีฟังเสี่ยวเชี่ยน เขาไม่ยื่นมือไปยุ่งเรื่องนี้แล้ว อีกทั้งคิดว่าจะใช้โอกาสนี้สั่งสอนเสี่ยวเชี่ยนว่าอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไป
เสี่ยวเชี่ยนเองเคยเตรียมใจไว้แล้วว่าตัวเองน่าจะเข้าถึงรอบสุดท้าย พอนึกถึงว่าอาจโดนชีอวี่เซวียนหัวเราะเยาะเรื่องเธอใจอ่อนทำตัวเป็นแม่พระก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเกิดการพลิกผัน
เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนและชีอวี่เซวียนคิด เหล่าคณะกรรมการกำลังถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด
ต้าอีตอบคำถามได้ดีมาก เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย
แต่คณะกรรมการส่วนหนึ่งคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ส่งผู้ช่วยมาเข้าแข่งแทน เรื่องนี้ดูขัดแย้งกับจุดประสงค์ของการแข่งขัน
ศาสตราจารย์หลิวเองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการครั้งนี้ แต่ว่าตัดสินกลุ่มอื่น จึงยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องกลุ่มที่เสี่ยวเชี่ยนอยู่ไม่ได้
พอได้ยินว่าทางนี้มีปัญหาศาสตราจารย์หลิวก็ร้อนใจแต่พูดอะไรไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนไปไหนมา? ทำไมถึงขาดการแข่งที่สำคัญแบบนี้ได้?
ถึงต้าอีกับเสี่ยวเชี่ยนจะเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กัน แต่ก็ไม่ใช่ในนามอย่างเป็นทางการ เสี่ยวเชี่ยนยังเป็นนักศึกษาอยู่ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนอายุเจ็ดสิบแปดสิบแล้วตัวเองไม่ลงสนามส่งลูกศิษย์ที่เป็นทางการลงแทน แบบนั้นยังพอคุยได้
แต่เสี่ยวเชี่ยนยังเป็นนักศึกษาอายุน้อย บอกว่าต้าอีเป็นลูกศิษย์ใครจะเชื่อ
ก็มีคณะกรรมการบางคนคิดว่ากฎกติกาการแข่งขันครั้งนี้เดิมก็มีช่องโหว่อยู่แล้ว
กติการะบุไว้ว่าให้มีผู้ช่วยได้หนึ่งคน ก็แสดงว่าผู้ช่วยสามารถอยู่ช่วยในสนามขณะที่ผู้เข้าแข่งขันเตรียมตัวได้ ไม่ได้มีข้อห้ามเป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามผู้ช่วยตอบคำถามแทน แบบนี้เดิมทีก็เท่ากับเล่นเป็นทีมสองคนแล้ว
แต่คณะกรรมการที่คิดแบบนี้มีเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ต่างคิดว่าการที่ไม่ได้ลงแข่งด้วยตัวเองก็เท่ากับเป็นการสละสิทธิ์ ต่อให้ต้าอีทำคะแนนได้มาเป็นอันดับหนึ่งก็ไม่ควรให้คะแนนเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนควรตกรอบ
ขณะที่คณะกรรมการกำลังจะขึ้นกระดานในช่องของเสี่ยวเชี่ยนว่าสละสิทธิ์นั้นก็มีคนๆหนึ่งวิ่งมาพร้อมของในมือแล้วพูดกับเหล่าคณะกรรมการ
ในที่สุดก็ถึงเวลาประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบ
ต้าอีมองกระดานคะแนนอย่างตื่นเต้น ตอนที่พิธีกรประกาศรายชื่อคนเข้ารอบพร้อมคะแนน ต้าอีก็ผิดหวัง
ไม่เห็นประกาศคะแนนของประธานเชี่ยน นี่คำตอบของเธอมีปัญหาเหรอ?
รู้สึกผิดต่อประธานเชี่ยนจัง…ต้าอีหันไปหาประธานเชี่ยนด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
เสี่ยวเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เธอแล้วชี้ไปที่หัวใจ ความหมายคือวันนี้เธอทำได้เยี่ยมมาก ต้าอีที่ยืนอยู่บนเวทีถึงกับน้ำตาคลอ
เสี่ยวเชี่ยนลุกขึ้นเตรียมเดินไปรับต้าอีที่หลังเวทีพร้อมแม่อวี๋
ตกรอบก็ไม่เป็นไร วันนี้ต้าอีทำให้เสี่ยวเชี่ยนพอใจมาก บรรลุวัตถุประสงค์ของการฝึกแล้ว
แม่อวี๋เตรียมใจเรื่องผลการแข่งขันไว้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ เธอบ่นพึมพำ
“ถ้าพวกเราไม่ไปยุ่งเรื่องนั่นนะ ตอนนี้คงได้ที่หนึ่งไปแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนฝึกต้าอีเองกับมือ ซึ่งต้าอีก็ทำได้ดีมาก ยิ่งถ้าเสี่ยวเชี่ยนแข่งเองรับรองชนะแบบขาดลอย
เสี่ยวเชี่ยนคล้องแขนแม่อวี๋พลางพูดแซว
“แม่คะ คิดแบบนี้ไม่ถูกนะคะ ถ้าพ่อรู้เข้าแม่ได้โดนเรียกไปปรับทัศนคติแน่เลยค่ะ”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย