“ก็เปล่านะ ผมก็แค่คิดว่าบริษัทพี่ใหญ่มีตำแหน่งงานเยอะแยะ หางานให้ผมทำคงไม่ใช่เรื่องยาก ผมอยากเข้าสู่สังคมทำงานไวหน่อย”
ดี ทัศนคติยังไม่ถึงกับหมดทางเยียวยา แต่เสี่ยวเชี่ยนมองออกแล้วว่าน้องชายของเธอถูกคนเอาความคิดไม่ดีกรอกใส่หัว คิดใช้ทางลัดเพื่อสบาย แถวยังหวังจะใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของตระกูลอวี๋
“เขายังพูดอะไรกับนายอีก เล่าให้ฟังหน่อย”
เสี่ยวเชี่ยนพอได้ยินว่ามีคนสอนเรื่องไม่ดีให้กับน้องชายตัวเอง ในใจก็โมโหมาก ตอนนี้เธออยากจะฟังดูซิว่าอีกฝ่ายพูดอะไรไปบ้าง จะได้กำหนดโทษให้ไอ้จู้จื่อนั่นได้ถูก
“ก็ไม่ได้พูดอะไรมากหรอก สอนผมเรื่องการเข้าสังคม ผมถึงได้รู้ว่า ตอนนี้สังคมเราเป็นเรื่องของการใช้เส้นสาย ยิ่งเป็นเมืองเล็กยิ่งให้ความสำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่นพี่จู้จื่อ แค่บ้านเขาวิ่งเต้นนิดหน่อยเขาก็มีงานที่มั่นคงทำแล้ว ถึงเขาจะเรียนจบปริญญาตรีมา แต่สมัยนี้คนจบตรีเยอะแยะ ไม่ได้สบายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ละบริษัทมีแต่คนจับจ้องอยากเข้าทำงาน ถ้าไม่ใช้เส้นเข้าไม่ได้หรอก ถึงเมืองเราจะติดทะเลค่อนข้างเปิดกว้าง แต่เมืองที่อยู่ไกลๆก็ยังไม่เข้มงวดเท่าเมืองใหญ่ ดังนั้น…”
ต้าหลงยิ้มฮี่ๆให้เสี่ยวเชี่ยนแล้วพูด “พี่ บอกพี่เขยไปคุยให้หน่อยนะ กิจการในครอบครัวทั้งนั้น แค่หางานให้ผมมันจะยากแค่ไหนกัน ไม่ใช่งานราชการเสียหน่อย นี่มันบริษัทส่วนตัว”
เสี่ยวเชี่ยนมองต้าหลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ถึงปากเธอจะชอบด่าน้องชายว่าโง่ ชอบแสดงท่าทางเหมือนไม่สบอารมณ์บ่อยๆ แต่แม้แต่อวี๋หมิงหลางยังรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ไม่ห่วงน้องชาย
เห็นน้องชายที่ยังดูอ่อนต่อโลกแต่แสร้งทำเป็นเหมือนโตแล้วพูดจาเป็นผู้ใหญ่ เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกจิตใจด้านชา แต่กลับทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“เรื่องพวกนี้จู้จื่อพูดให้นายฟัง?”
หึหึ เก่งมากนายจู้จื่อ
“ก็ใช่น่ะสิ พวกเราคุยกันตั้งนาน”
“แล้วนายบอกเขาหรือเปล่าว่าพี่เขยนายทำงานที่ไหน พูดเรื่องครอบครัวของพี่เขยหรือเปล่า?” ถ้ากล้าปากพล่อยพูดไปล่ะก็ เธอจะลากตัวออกไปให้อวี๋หมิงหลางเอาไปยิงทิ้ง
“เปล่า นี่เป็นหลักการไง ก็พี่เคยบอกไว้ว่าห้ามบอกใครว่าพี่เขยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ ให้บอกแค่ว่าเป็นทหารทั่วไป ห้ามบอกว่าพ่อแม่พี่เขยมีตำแหน่งระดับไหน ให้บอกว่าเป็นคนธรรมดา อันที่จริงวิธีที่พี่จู้จื่อช่วยผมคิดก็คือให้ไปคุยกับอาเลี่ยว อาเลี่ยวเป็นถึงประธานศาล เรื่องหางานคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง เขาไม่รู้ประวัติของพี่เขยผม”
ต้าหลงยังขาดประสบการณ์ในการใช้ชีวิต อาจถูกใครหลอกได้ง่ายๆ แต่เสี่ยวเชี่ยนเคยบอกน้องชายไว้นานแล้วว่าอะไรพูดได้อะไรพูดไม่ได้ เด็กคนนี้ก็ใช่ว่าจะปากไม่มีหูรูด เขาฟังจู้จื่อพูดเสียเป็นส่วนมาก ส่วนตัวเองพูดน้อย เรื่องพวกนี้ต้าหลงคิดเองเป็น
“แล้วทำไมนายไม่ไปคุยกับอาเลี่ยว?” เสี่ยวเชี่ยนพอได้ฟังก็รู้สึกว่าน้องชายยังไม่ได้โง่ขั้นหนักจึงเบาใจลงหน่อย
“อาเลี่ยวเป็นคนยังไงพี่ไม่รู้เหรอ? ถ้าเขาช่วยได้สิแปลก!”
อาเลี่ยวเป็นประธานศาลที่เที่ยงตรงยุติธรรมมาก ต่อให้รักเจี่ยซิ่วฟางมากแค่ไหนก็ไม่มีทางยอมเอ่ยปากช่วยเรื่องนี้ เขายอมควักเงินเปิดร้านให้ต้าหลงหรือลงทุนทำอย่างอื่นเสียยังจะดีกว่า
“อาเลี่ยวไม่ยอมเอ่ยปากช่วยแน่ แล้วทำไมนายถึงคิดว่าพี่เขยนายจะยอมช่วย?”
อันที่จริงต้าหลงก็คิดถูก เรื่องนี้แค่เอ่ยปากพูดคำเดียวก็จบ พี่ใหญ่ต้องหางานที่เงินเยอะงานน้อยให้ได้แน่ๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนอยากเห็น
“ปกติพี่เขยเป็นคนอารมณ์ดี แถมยังเชื่อฟังพี่อีก เขาอายุยังน้อยความคิดไม่หัวโบราณอย่างอาเลี่ยวหรอก—”
พอพูดถึงอาเลี่ยวเฉินจื่อหลงก็ทำเสียงเบา “พี่ อย่าหาว่าผมว่าอาเลี่ยวเลยนะ เขาน่ะดีทุกอย่าง แต่ขี้ขลาดสุดๆไปเลย!”
“หืม?”
“ก็ตำแหน่งระดับเขาทำไมถึงจนได้ขนาดนี้? หลายวันก่อนพี่ฟู่กุ้ยซื้อบ้านซื้อรถ ยังต้องกู้เงินซื้อเลย จึ๊ๆ เป็นถึงลูกชายประธานศาลกลาง จะแต่งงานยังต้องกู้เงิน เพราะเขาน่ะขี้ขลาดเกินไป”
“ดีมาก จู้จื่อคนนี้สอนนายไม่น้อยเลยจริงๆนะ” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก ดวงตาฉายแววอำมหิต
คนที่ใสสะอาดในสายตาคนพวกนั้นคือคนขี้ขลาด?


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย