ภรรยาของจู้จื่อเดินเข้ามา ดูเหมือนเธอจะร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำ
ตอนอยู่ข้างนอกเธอคุยกับแม่เสี่ยวเชี่ยน ไม่รู้คุยเรื่องอะไรไปจี้โดนจุดสะเทือนใจเข้า
“นั่งสิคะพี่สะใภ้” น้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนนุ่มนวลกว่าตอนพูดกับจู้จื่อเล็กน้อย
เธอดูออกว่าพี่สะใภ้เป็นแฟนคลับของเธอจริงๆ
และก็ดูออกว่าพี่สะใภ้คนนี้เวลานี้เดินทางมาถึงจุดแตกหักแล้ว ถ้าไม่ได้อับจนหนทางจริงๆมีเหรอจะส่งสายตาอ้อนวอนให้กับคนที่เพิ่งได้เจอกันครั้งแรก บางครั้งความเย็นชาที่ไม่ตั้งใจก็อาจทำให้คนที่ชินชากับทุกสิ่งสูญเสียความหวังเพียงน้อยนิดไป การช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้คนที่สิ้นไร้ไม้ตอกได้พบกับความหวังอีกครั้ง
“เสี่ยวเชี่ยน พี่ไม่ควรพูดเรื่องนี้กับเธอหรือเปล่า เพราะยังไงเธอก็เป็นญาติกับจู้จื่อ พี่…” นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ภรรยาจู้จื่อรู้สึกสิ้นหวัง
เธอไม่มีใครที่จะให้ปรับทุกข์ได้เลย รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนอาจไม่ช่วย แต่เธอก็ควบคุมอารมณ์ที่อยากระบายความอัดอั้นตันใจออกมาไม่ได้
“สำหรับหมอแล้วไม่มีคำว่าญาติมิตร พี่มาหาฉันตรงนี้ มานั่งอยู่ตรงข้ามฉันก็เท่ากับเป็นผู้เข้ารับคำปรึกษา ถ้าพี่ไม่อยากเรียกฉันว่าเสี่ยวเชี่ยน เรียกฉันว่าเหม่ยเหวยก็ได้ค่ะ คิดเสียว่ากำลังโทรเข้าไประบายในรายการวิทยุ ไม่ต้องกังวลว่าฉันจะเป็นใคร มีอะไรก็พูดออกมาได้เลยค่ะ”
“เห้อ อันที่จริงพี่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี…”
“พวกพี่มีลูกด้วยกันแล้วคนนึงใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ลูกสาวพี่ชื่อเสี่ยวลี่ เป็นเด็กเงียบๆ เขาไม่เหมือนเด็กคนอื่นตั้งแต่เกิด” พอพูดถึงลูกสาว ภรรยาจู้จื่อก็ควักกระเป๋าตังค์หยิบรูปลูกสาวให้เสี่ยวเชี่ยนดู
เป็นเด็กผู้หญิงที่ผอมมาก มองกล้องด้วยความเขินอาย
“ขอโทษที่ฉันต้องถามแบบนี้นะคะ มือของเขา—”
พูดถึงเรื่องนี้พี่สะใภ้ก็น้ำตาพรั่งพรูออกมาอีกรอบ
“เด็กคนนี้เกิดมามีหกนิ้ว ยิ่งโตก็ยิ่งเป็นเด็กเก็บตัว โดยเฉพาะหลังจากที่เข้าโรงเรียนอนุบาล เด็กคนอื่นพากันสงสัยว่าทำไมมือของเขาถึงไม่เหมือนเด็กคนอื่น เขาร้องไห้บอกไม่อยากไปโรงเรียน เด็กตัวแค่นั้นยังพูดได้แค่ไม่กี่คำ แต่กลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว”
เป็นไปได้ว่าสำหรับเด็กคนอื่นๆนั้น การถามเรื่องนิ้วของเสี่ยวลี่ไม่ได้หมายถึงการดูถูกหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็แค่สงสัยตามประสาเด็ก แต่พอถูกทุกคนให้ความสนใจแบบนั้น จิตใจของเด็กก็ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดความรู้สึกน้อยใจ จากนั้นก็จะค่อยๆกลายเป็นเด็กเก็บตัว
“พี่จู้จื่อบอกว่า ลูกร้องพี่ก็ไม่อุ้มเขา?”
“พี่เองก็กลุ้มเรื่องลูกมาก พี่หาตำราของเมืองนอกมาอ่านมากมาย ในนั้นบอกว่าถ้าอยากให้เด็กพึ่งพาตัวเองได้ก็ห้ามอุ้ม เขาเกิดมามีหกนิ้ว ถ้าไม่ทำตัวให้เข้มแข็งต่อไปจะทำไง?”
“เขาอายุสามขวบ อายุจริงหรือนับแบบโบราณ?”
“นับแบบโบราณ พวกเราเองก็หาโรงเรียนอนุบาลหลายที่กว่าจะเจอโรงเรียนเอกชนที่รับเด็กเล็กขนาดนี้ พ่อเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มาก ชั้นเรียนของเด็กเล็กแค่นั้นต้องจ่ายเดือนละสองร้อย เขาคิดว่าพี่ควรลาออกมาเลี้ยงลูก”
“เด็กตั้งแต่หกเดือนถึงสองขวบจะมีช่วงเวลาที่เกิดความรู้สึกอยากพึ่งพา ซึ่งช่วงวัยนี้เขาอาจจะมีความกังวลบ้าง อยากได้ความรักจากพ่อแม่มากกว่าเดิม ต้องหมั่นกอดเขาบ่อยๆ เติมเต็มความรู้สึกให้เขา จะช่วยลดความกังวลของเด็กได้ สิ่งที่ในหนังสือเลี้ยงเด็กเขียนใช่ว่าจะถูกต้องหมดทุกเรื่อง”
“หา!” พี่สะใภ้ตกใจ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย