เสี่ยวเชี่ยนเชื่ออย่างหนักแน่นว่า หากผู้หญิงต้องการมีชีวิตดุจนางพญา นอกจากจะต้องมีนิสัยที่พึ่งพาตัวเองได้ไม่ต้องง้อใครแล้ว ยังต้องมีความสามารถด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องรู้จักประนีประนอม เก็บอารมณ์ ทำตัวเป็นแม่บ้านตามแบบฉบับโบราณ ยอมเสียสละเพื่อครอบครัว ขอแค่ตัวเองยอมเป็นแบบนั้นใครจะกล้าพูดว่านี่ไม่ใช่ชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความสุขล่ะ?
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือตอนหาคู่ครอง มองว่าแค่มีอวัยวะสืบพันธุ์ก็พอแล้ว หลังแต่งงานพอผู้ชายไม่เป็นไปตามที่ตัวเองหวังก็หาเรื่องทะเลาะกันทุกวัน ร้องไห้บ้าง ใช้กำลังบ้าง ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นทุกข์ คิดแต่จะให้อีกฝ่ายเปลี่ยนแต่กลับไม่คิดว่าทำอะไรเพื่อตัวเองได้บ้าง
ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ขอแค่ไม่มองว่าตัวเองเป็นคนดีจนเกินไป ไม่คิดว่าคู่ครองจะต้องเป็นคนดีแสนเพอร์เฟค ก็จะไม่สร้างความกดดันให้ทั้งตัวเองและคนอื่น เสี่ยวเชี่ยนใช้วิธีนี้ทำให้พี่สะใภ้กำจัดความไม่ชอบลูกตัวเองให้น้อยลง ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาไม่สมบูรณ์แบบ คิดหาวิธีเพิ่มคุณค่าในตัวเองแล้วค่อยตั้งเงื่อนไขให้อีกฝ่ายปฏิบัติต่อตัวเองอย่างเท่าเทียม ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นการทรมานตัวเองยังทรมานอีกฝ่ายด้วย
ในอนาคตจู้จื่อกับพี่สะใภ้อาจมีเรื่องขัดแย้งเล็กๆน้อยที่สร้างความรำคาญใจเกิดขึ้นได้อีก แต่ถ้าใช้วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็ย่อมอยู่ด้วยกันต่อไปได้ ต่อให้อยู่ด้วยกันไม่ได้แต่พี่สะใภ้ก็มีความสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว หย่าไม่หย่าก็เป็นเรื่องของเขา ชีวิตของคนทั่วไปก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
เสี่ยวเชี่ยนคิดถึงหลวงจีนวัดเส้าหลินของตัวเองขึ้นมาหน่อยๆแล้ว…ในบรรดาคนนับล้านเธอได้มาเจอกับคนที่ไม่ธรรมดาอย่างเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากจริงๆ
ยังเหลือเวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะประกาศผลคะแนน พอเสี่ยวเชี่ยนจัดการเรื่องในบ้านเสร็จก็กลับเมืองหลิน รีบกลับไปก่อนที่ฟู่กุ้ยจะกลับมา
เธอจินตนาการท่าทางของแม่วัยทองออกยามที่เห็นฟู่กุ้ยขาหักแล้วปิดบังคนที่บ้านไว้ ถึงตอนนั้นเธอในฐานะที่เป็น ‘ผู้ร่วมกระทำความผิด’ รู้แล้วไม่บอกจะต้องโดนด่าหูชาแน่ รีบหนีดีกว่า
เพื่อป้องกันแม่โทรมาด่า เสี่ยวเชี่ยนจึงปิดมือถือ
ถึงจะไม่ได้กลับบ้านมาหลายวัน แต่ภายในบ้านก็สะอาดสะอ้านไร้ฝุ่น เสี่ยวเฉียงคงกลับมานอนบ้านด้วย เดาได้เลยว่าช่วงที่ผ่านมาเขากลับดึกมาก เพราะเมื่อวานตอนที่เธอได้ข้อความจากเขาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เธอไม่ได้บอกเขาว่าจะกลับมาวันนี้ อยากให้เขาเซอร์ไพร้ส์
ที่นั่งเล่นริมหน้าต่างของเธอมีโต๊ะไม้ตัวเล็กแบบโบราณเพิ่มเข้ามา เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปลูบ คล้ายกับเพิ่งทำขึ้นมาใหม่ หรือจะเป็นไม่พะยูงไหหลำอย่างที่เธอต้องการ?
เธอจำได้ว่าก่อนแยกกับเสี่ยวเฉียงเธอบ่นๆว่าอยากได้โต๊ะไม้ตัวเล็ก บอกว่าอยากได้แบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะเก็บเอามาใส่ใจ
ไม่รู้ว่าเขาทำเองหรือซื้อมา ไม้พะยูงไหหลำแบบนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ นี่น่าจะเป็นชนิดที่ดีที่สุด ดูท่าทางเหมือนทำขึ้นมาใหม่ เขามีเงินอยู่เท่าไรเธอรู้ดีแก่ใจ ต่อให้ตอนนี้ไม้พะยูงไหหลำจะราคาไม่แพงแต่เขาก็คงไม่มีเงินซื้อ
ก็แสดงว่าไปปล้นน้าฉีเยี่ยมา จากนั้นก็เอามาทำเอง
เสี่ยวเชี่ยนลูบไปมา เนื้อไม้เป็นไม้อย่างดี ดมแล้วรู้สึกสดชื่น ต้องเป็นของดีแน่นอน และที่น่าชื่นชมก็คือ ถึงฝีมืองานไม้ของเสี่ยวเฉียงจะไม่เก่งเท่าช่างไม้มืออาชีพ แต่กลับทำออกมาได้สวย รักษาลายไม้อันโดดเด่นได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้ไม้เนื้อดีเสียของ
เสี่ยวเชี่ยนนั่งพินิจเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ของบ้านอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้
เธอเปิดมือถือ มองข้ามเบอร์แม่ที่ไม่ได้รับแล้วโทรหาน้าฉีเยี่ย
“น้าคะ หมิงหลางไปเอาไม้มาจากน้าเหรอคะ?”
“ไม่ใช่แค่ไม้นะ…แม้แต่สร้อยข้อมือลูกประคำก็ไม่ยอมปล่อย ปล้นไม้ไปหลายแผ่นยังไม่เท่าไร นี่ยังปล้นสร้อยข้อมือไม้ประดู่ไปด้วย แถมยังปล้นจี้ไข่มุกที่ประดับบนหยกเจไดต์ บอกว่าเตรียมไว้ให้ลูกสาวในอนาคต เสี่ยวเชี่ยน ดูเขาบ้างสิ แบบนี้มันทำกันเกินไป บุกเข้ามาทางหน้าต่างบ้านน้าตอนตีสี่กว่า น้ากำลังนอนอยู่ลืมตาขึ้นมาเจอตกใจเกือบฉี่ราด!”
น้าฉีเยี่ยเจอคนที่ระบายด้วยได้แล้ว
ไอ้หลานจอมเผด็จการมันน่าโมโหจริงๆ!
“เอ๋? หนูเห็นแค่โต๊ะไม้ตัวเล็กนะคะ เขาเอาไม้ไปหลายแผ่นเลยเหรอคะ?”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย