“ฝีมือทำอาหารของน้องสะใภ้ใช้ได้เลยนะครับ อาหารรสชาติดีเลย”หยูกังพลาธิการที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ชมไม่ขาดปาก
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มแหยๆ “แหะๆ…”
เธอพูดได้เหรอว่าอาหารพวกนี้เสี่ยวเฉียงเป็นคนทำ? เธอแค่ช่วยล้างแตงกวาให้เสี่ยวเฉียงหั่นเมื่อครู่เท่านั้น
“อืม ฝีมือทอดอาหารของเมียฉันนี่เรียกได้ว่าระดับเชฟโรงแรม” เสี่ยวเฉียงคีบปลาทอดพลางพูด
เสี่ยวเชี่ยนได้แต่ยิ้ม แอบหยิกขาของเสี่ยวเฉียงใต้โต๊ะ พูดมาก!
แบบนี้มันประชดเธอใช่ไหม!
“ฮ่าๆ ได้แต่งงานกับผู้หญิงเก่งแบบนี้เหล่าอวี๋โชคดีจริงๆ”
“ใช่ไหมล่ะ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เมียฉันเก่งสุดๆ”
ประโยคนี้อวี๋หมิงหลางพูดจากใจ
เสี่ยวเชี่ยนก็ได้แต่ยิ้ม
อืม ให้เงินเท่าไรเธอก็ไม่ยอมแลกกับเสี่ยวเฉียงเหมือนกัน ถึงเขาจะทำตัวเพี้ยนไปบ้างบางครั้งก็ตาม
ส่งแขกเสร็จเสี่ยวเฉียงก็พับแขนเสื้อเข้าไปล้างชาม เสี่ยวเชี่ยนยืนกินผลไม้อยู่ข้างหลังเขา ทั้งสองคนคุยเรื่องเรื่อยเปื่อย หลักๆคือเสี่ยวเชี่ยนเล่าให้ฟังว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอเอาใจน้องชายยังไงบ้าง
เสี่ยวเฉียงฟังเธอพลางยิ้ม ในใจแอบให้คะแนนตัวเองเต็มร้อยที่เมื่อกี้ไม่โมโหใส่เธอ
ต้าหลงเด็กดวงซวยที่ไปยั่วโมโหลูกเชี่ยนเข้า ดูซิถูกทรมานจนเป็นแบบนี้แล้ว
เวลานี้เอาอกเอาใจต้าหลงไปก่อน รอเข้าไปเป็นทหารเมื่อไร ถูกส่งตัวไปอยู่ในที่แบบนั้น จิตใจของต้าหลงยังหลงเหลือคำว่าดีได้อีกเหรอ?
“ฉันขอเตือนนายนะอวี๋เสี่ยวเฉียง ห้ามนายช่วยพูดแทนต้าหลงเด็ดขาดเข้าใจไหม?หลังเข้าไปเป็นทหารแล้วต้าหลงต้องทนไม่ไหวไปหานายให้ช่วยแน่ ถึงตอนนั้นห้ามช่วยเขา ต้องว่าไปตามระเบียบเข้าใจไหม?”
“วางใจได้ ถึงคุณไม่พูดผมก็รู้อยู่แล้ว—อยากให้ผมไปคุยกับทางนั้นไว้ก่อนไหมว่าให้ฝึกต้าหลงเป็นพิเศษ?”
“ไม่ต้อง”
เอ๋ เมียเขาใจดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
ไม่นานเสี่ยวเฉียงก็ได้รู้ว่าเขาไร้เดียงสาเกินไป เขาเห็นเสี่ยวเชี่ยนยิ้มอย่างมีลับลมคมใน
“นิสัยชอบทำตัวน่าหมั่นไส้อย่างต้าหลง บวกกับความคิดที่อยากจะใช้เส้นสายตลอด นายคิดว่าคนแบบนี้พอเข้าค่ายทหารไปแล้วจะไม่มีคนจัดการเหรอ?”
เอ่อ…
เสี่ยวเฉียงทำตาตี่ใส่
สมกับเป็นนักจิตวิทยา วิเคราะห์ได้ตรงจุดมาก!
“ถ้านายเป็นทหารเก่าเห็นเด็กใหม่ทำตัวน่าหมั่นไส้นายไม่หงุดหงิดเหรอ? แล้วจะไม่จัดการเหรอ? ฮ่าๆๆ!” เสี่ยวเชี่ยนจินตนาการน้องชายที่ไม่เอาไหนร้องขอความเห็นใจแต่ก็ไร้การตอบรับ รู้สึกสะใจเป็นบ้า
“เป็นพี่สาวแท้ๆหรือเปล่าเนี่ย…” เสี่ยวเฉียงพึมพำเสียงเบา
“ฉันหวังอยากให้ตัวเองไม่มีน้องโง่มากกว่า รีบให้เขารู้จักสังคมไวๆก็ใช่ว่าจะไม่เป็นเรื่องดี”
เฉินจื่อหลงสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขไปได้ตลอดชีวิตภายใต้การคุ้มครองของเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลาง แต่มันจะต่างอะไรกับชาติก่อนละ?
ลูกของคนทั่วไปคิดแบบนี้ก็ช่างเขา แต่อวี๋หมิงหลางที่มีภูมิหลังแบบนี้ต้องมามีน้องเมียที่ขยันก่อเรื่อง ต่อไปถ้าเกิดปัญหาจะทำไง?
ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไรก็ยิ่งต้องทำอะไรอย่างระมัดระวัง เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่าตัวเองทำไปเพื่อต้าหลง เธอคิดว่าเธอก็แค่ไม่อยากให้เหมือนเมื่อชาติก่อนที่ตัวเองต้องมาตามเช็ดตามล้างเรื่องที่น้องชายตัวเองไปก่อไว้
“เจอเรื่องที่กลับตาลปัตรแบบนั้นเขาจะสติแตกไหม?” อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่านิสัยร่าเริงเกินเหตุของต้าหลงใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ แต่วิธีรักษาของเสี่ยวเชี่ยนมันน่ากลัวเหลือเกิน
“เอาให้บ้าไปเลย! สติแตกเหรอเดี๋ยวฉันรักษาเอง! ถ้าฉันรักษาไม่ได้ก็ส่งให้ฟู่กุ้ย!”
ประโยคนี้คิดดูดีๆแอบสยอง อวี๋หมิงหลางครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ความหมายของเสี่ยวเชี่ยนคือถ้าเกิดปัญหาทางจิตขึ้นมาเธอรับผิดชอบ แต่ถ้าส่งผลถึงประสาทก็ให้ฟู่กุ้ยรับผิดชอบไป…ไอ๊หยา!

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย