หลังจากกู้จื่อหานที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับได้เหลือบไปเห็นด้านนอกกระจกรถนั่นแล้ว ได้หันกลับมาพูดด้วยความเคารพว่า :“ผู้นำครับ โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และผู้เขียนบทมาถึงแล้วครับ”
เขาได้ลงจากรถทันที จากนั้นก็ได้เปิดประตูรถให้
หลงอี้เชินกลับไม่ได้ลงจากรถเลย
โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และผู้เขียนบทล้วนเป็นชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบกว่าทั้งนั้น
ทั้งสามคนต่างเดินตามหลังของลั่วหลิงมาถึงหน้าประตูรถ ได้ชำเลืองมองทั้งสามคนที่อยู่ภายในรถแล้ว ก็มีท่าทีที่เคารพขึ้นมาทันที
ภายในรถนั้นพวกเขารู้จักแต่เพียงกงเฟยโม่ หลงอี้เชินกับหลิงเยียนซีนั้นแทบจะไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเลยสักนิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ว่าเพียงแค่พวกเขามองดูสามคนที่อยู่ในรถนั่น ก็รู้ทันทีว่าใครเป็นหัวหน้าใหญ่
หนึ่งในสี่ของหัวหน้าตระกูลใหญ่ ลูกชายคนโตของนายกเทศมนตรี เป็นบุคคลที่มีอำนาจมากนักไม่ใช่หรือ
โปรดิวเซอร์มองไปที่หลงอี้เชินที่สามารถอธิบายได้เพียงคำเดียวเท่านั้นคือ ‘เย็นชา’ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และได้เอ่ยปากถามว่า :“ไม่ทราบว่าคุณเรียกพวกเรามามีเรื่องอะไรหรือครับ?”
หลงอี้เชินได้เก็บสายตาที่เย็นชานั้น และไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปยังโปรดิวเซอร์เลยสักนิด ริมฝีปากที่บางและเซ็กซี่ของเขาได้พูดอย่างเย็นชาออกมาเพียงสามคำเท่านั้น“เปลี่ยนบทซะ”
“อะไรนะครับ?”
โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และผู้เขียนบทต่างตกตะลึงกันหมด มองดูหลงอี้เชินราวกับฟังไม่รู้เรื่องเช่นนั้น
โปรดิวเซอร์ถามด้วยความมึนงง :“ขอสอบถามหน่อยครับ ทำไมพวกเราต้องเปลี่ยนบทด้วยหรือครับ?”
“คุณชายสามให้คุณเปลี่ยนคุณก็เปลี่ยนตามก็พอแล้ว จู้จี้จุกจิกอะไรกัน? บทของพวกคุณห่วยแตกเกินไป ง่ายแค่นี้แหละ” กงเฟยโม่เหลือบตาดูโปรดิวเซอร์อย่างเฉื่อยชา แล้วพูดด้วยความเกียจคร้าน
บทห่วยแตกไปหรือ?
โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และผู้เขียนบททั้งสามคนได้มองไปที่กงเฟยโม่ แล้วมองไปที่หลงอี้เชินอีกครั้ง
ผู้กำกับกลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เอาอกเอาใจว่า :“ละครเรื่องนี้ได้ถ่ายทำไปหลายสิบตอนแล้วนะครับ หากเปลี่ยนบทเอาตอนนี้……”
“มีปัญหาอย่างนั้นหรือครับ?” หลงอี้เชินได้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เย็นชาและเฉียบคมเหมือนเหยี่ยวนั้นได้มองไปที่ผู้กำกับ
ทันทีที่ผู้กำกับเห็นแววตาที่ทำให้คนรู้สึกสะพรึงกลัวของเขานั้น เขากลัวจนใจสั่นไปหมด และรีบก้มศีรษะลงทันที คำพูดที่ต่อจากนั้นก็ไม่กล้าพูดต่ออีกเลย
สวีลู่คนนี้ไปผิดใจอะไรต่อคุณชายทั้งสามคนที่อยู่ในรถหรือเปล่า มิเช่นนั้นทำไมพวกเขาจะต้องเพิ่มฉากถูกตบหน้าสองร้อยฉากให้กับเธอล่ะ
“ได้ครับได้ครับ เพิ่มฉาก ต้องเพิ่มแน่นอนครับ”หลังจากที่โปรดิวเซอร์ตั้งสติกลับมาได้ ก็รีบตอบรับทันที
จากนั้นเขาก็มองไปทางผู้เขียนบท และได้สั่งการว่า :“รีบไปเพิ่มเลย เพิ่มฉากตามคำขอของคุณชายสามเลยนะ เพิ่มฉากที่ถูกตบหน้าสองร้อยฉากให้กับสวีลู่เลย”
เมื่อผู้เขียนบทเห็นว่าโปรดิวเซอร์ก็บอกให้เปลี่ยนบทแล้ว และผู้กำกับก็ได้พูดว่าไม่มีปัญหาอีก เขาก็ยิ่งไม่มีปัญหาเลย
ถึงแม้จะมีปัญหา เขาก็คงต้องเปลี่ยนเป็นไม่มีปัญหาเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสามคนจากไปแล้ว หลงอี้เชินก็ได้หันไปมองลั่วหลิงด้วยสายตาที่เย็นชา “ไปเตือนพวกเขา ว่าหลังจากที่ถ่ายละครเรื่อง《นางงาม》เสร็จแล้ว ลบฉากที่สวีลู่แสดงไปให้หมด”
“ห้ะ……”เมื่อลั่วหลิงได้ยินเช่นนี้ ได้อ้าปากค้าง กะพริบตาแล้วพูดว่า :“ประธานครับ นี่คุณกำลังเยาะเย้ยสวีลู่คนนั้นนี่ครับ! เขาทำงานอย่างหนักเพื่อถ่ายฉากที่ถูกตบหน้าสองร้อยฉาก ได้รับความทุกข์แล้ว ได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะถ่ายเสร็จ ยังจะลบฉากนั้นออกให้หมด มันก็เท่ากับว่าสูญเปล่าไปหมดสิครับ”
หลงอี้เชินจ้องมองที่เขาพร้อมสายตาที่เย็นเยือกและได้ถามกลับว่า :“มีปัญหา?”
“ไม่มีครับไม่มี ไม่มีแน่นอนครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไออุ่นรัก(ร้าย) จากใจคุณ