ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 657

หรือว่านางควบคุมเรื่องนั้นหลังจากที่ตั้งครรภ์ จำนวนครั้งน้อยเกินไป ทุกครั้งยังไม่ยอมให้เขาถึงที่สุด ดังนั้นที่จริงแล้วเขาเก็บกดมาก?

โหลชีแทบกุมขมับ

เฉินซ่ากลับไม่ให้โอกาสนางพูด เขาจุมพิตปิดปากนาง ขบจูบริมฝีปากนางอย่างหนัก โรมรันจนลิ้นนางแทบชา ริมฝีปากโดนจูบจนเจ็บแล้ว

เวลานี้นางถึงนึกขึ้นมาได้ว่า ในภาพลวงตาเขาอาจจะลืมไปแล้วว่านางท้องอยู่ จำได้แต่ความต้องการที่จะกลืนกินนางทั้งร่างเท่านั้น

ในภาพลวงตาทำเรื่องแบบนี้ จะเป็นยังไงนะ?

โหลชีไม่รู้ แต่นางรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นยามมีอะไรกับนาง และไม่เสร็จง่ายๆในเวลาอันสั้นด้วย ถ้าให้เขากลายเป็นกษัตริย์คนแรกที่มีเพศสัมพันธ์จนตายในภาพลวงตา เขาจะขอบคุณนางไหม?

โหลชีเบ้ปาก และนึกขึ้นมาได้อีกว่า พอเขากอดนางก็สูญเสียการควบคุมอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่นางฝืนเข้าสู่ภาพลวงตานี่ เป็นผู้หญิงคนอื่นปลอมแปลงเป็นหน้าตาของนางล่ะ? เขาก็จะกอดแล้วรุกเลยใช่ไหม?

ทำอย่างนี้ได้ยังไง

หลังจากตั้งครรภ์ ฤทธิ์หึงนางเหมือนจะมีมากขึ้น

"อืม"

ลิ้นของเฉินซ่าพลันเจ็บ กลิ่นคาวเลือดเข้ามาเต็มปาก

สตรีผู้นี้กล้ากัดลิ้นเขา

เขาชะงักไป พูดอย่างมีเลศนับว่า "เจ้าไม่อยากลงจากเตียงแล้วใช่หรือไม่?" บังอาจกล้ากัดเขา แน่นอน ที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะนางกัดเขา แต่นางกัดเขาเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาทำต่อ

นางไม่ยอมให้เขารักนาง

เฉินซ่ารู้สึกปวดใจยิ่งนัก ร่างกายใกล้ระเบิดแล้ว จะหยุดได้ยังไง ตอนนี้เขาแค่อยากสอดแทรกไปต่อสู้เข้าร่างกายนางให้เต็มรักเท่านั้น

"เฉินซ่า ท่านอยู่ในภาพลวงตา! หมิงเลี่ย หมิงเลี่ย"

โหลชีจำต้องเอ่ยถึงหมิงเลี่ย ถ้าเป็นปกติ เวลามีอะไรกันนางไม่กล้าเอ่ยถึงหมิงเลี่ยเลย มันจะยิ่งทำให้พิษรักแรงหึงของเขาหนักขึ้น และจัดหนักนางตลอดคืน แต่ตอนนี้นางต้องการให้เขาโกรธเพื่อมาลบล้างความต้องการซะ

นั่นไง พอได้ยินนางกล้าเอ่ยถึงหมิงเลี่ยในเวลาแบบนี้ สีหน้าเฉินซ่าเคร่งขรึมลงทันที

โหลชีรีบเบี่ยงกายถอยห่างสักหน่อย ไม่กล้ากระโดดลงไป ลงไปแบบนี้ นางต้องโดนบางส่วนแน่ ไม่เท่าเทน้ำมันลงบนกองไฟรึ?

"อาจารย์ของหมิงเลี่ย!" นางรีบประคองหน้าเขาไว้ "นี่เป็นค่ายกลภาพลวงตาที่เขาวางไว้! พวกท่านมีอันตราย ข้าเองก็มีอันตราย"

ได้ยินว่านางมีอันตราย เฉินซ่าได้สติกลับมาฉับพลัน กอดนางแน่นขึ้นทันที

"ฟังข้าพูด ท่านบอกความรู้สึกและสภาพแวดล้อมที่ท่านอยู่ในตอนนี้กับข้า บอกให้ละเอียดหน่อย ข้าถึงจะรู้ว่าภาพลวงตาของพวกท่านตอนนี้เป็นยังไง"

นางฝืนเข้าภาพลวงตา ได้แต่อยู่ข้างกายเขา ไม่อาจรู้ได้ถึงความรู้สึกของพวกเขาทั้งหมด ถึงจะมองเห็น แต่ทางนั้นเป็นสีดำมืดหมด ยื่นมือออกไปมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า ไม่อย่างนั้นนางจำเป็นต้องกอดรัดร่างเขาหรือไง?

ร่างเฉินซ่าพลันแข็งค้างเล็กน้อย ตอนนี้สภาพแบบนี้ของเขายอมไม่ได้สติคืนมา คนน่ะได้สติแล้ว แต่ไฟเร่าร้อนในร่างกายยังไม่ได้ระบายออกไปเลย

"ซ่า"

"ชีชี อย่าพึ่งเรียกข้า" เขากัดฟันบอก

"เอ่อ"

กว่าจะรอเขาสงบลงเล็กน้อยมันไม่ง่ายเลย โหลชีรับรู้ได้ถึงความแข็งเกร็งของเขาพลันผ่อนคลายลง ตนเองก็ถอนหายใจยาว

เฉินซ่าถามเสียงต่ำว่า "ตอนนี้ข้าอยู่ในภาพลวงตา? งั้นเจ้าล่ะ?" นางเหมือนจริงเพียงนี้ ร่างอ่อนนุ่มเพียงนี้ อยู่ในภาพลวงตา?

พูดมาถึงตรงนี้ โหลชีรู้สึกหวาน และอบอุ่นในใจ เพราะเขามีแต่ตนเต็มหัวใจ ในภาพลวงตานางถึงได้ดูเหมือนจริงนัก ดังนั้นเขาเลยสูญเสียการควบคุมแบบนี้ จากบางด้านบ่งบอกชัดว่าเวลานี้เขากำลังคิดถึงนางและเป็นห่วงนางทั้งกายใจ

ถ้าไม่ใช่รักอย่างลึกซึ้ง มีหรือจะเป็นอย่างนี้

"ข้าอยู่ในบางที่ของแม่น้ำ ออกไปไม่ได้ชั่วคราว ตอนนี้ใช้การควบคุมฝันเข้ามาในภาพลวงตาของท่าน ท่านฟังให้ดีนะ ตอนนี้พวกเราตั้งรหัสลับขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าค่ายกลภาพลวงตานี้จะทลายได้เมื่อไหร่ ท่านจำไว้ให้ดีนะ ถ้ารู้สึกไม่ชอบมาพากล ก็พูดรหัสลับกับข้า"

"รหัสลับอะไร?"

"ลูกเอ๋ย"

เฉินซ่า "..."

ถ้านางเรียกเขาว่าลูกเอ๋ย...

ทำไมรู้สึกขัดหูพิกลนะ

"ข้าหมายถึงลูกของพวกเรา!"

เฉินซ่าพลันนึกขึ้นมาได้ นางยังตั้งครรภ์อยู่นี่นา และเมื่อครู่หากเขาไม่ยอมหยุด...

โหลชีรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร รีบบอก "ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่โดนกักไว้ในภาพลวงตา ท่านจะอันตรายมาก รีบบอกสภาพปัจจุบันของพวกท่านตอนนี้กับข้าเร็ว"

เฉินซ่าตั้งสติ ค่อยๆได้ยินเสียงเยว่กับเฉิงสิบ และคิดถึงท่าทางเฉิงสิบในน้ำเมื่อครู่ ใบหน้าหล่อเหลาพลันดำมืดอีก

เขาบอกเล่าสถานการณ์ในนี้กับนางเสียงต่ำ เยว่และเฉิงสิบก็ได้ยินเสียงเขา ทั้งสองคนเขยิบเข้าใกล้เขามากขึ้น

พอพูดถึงว่า ไม่รู้ซวนหยวนฮ่วนเทียนหายไปตอนไหน โหลชีตกใจมาก "พี่ชายข้าหายไปรึ?"

"พึ่งเข้าสู่น้ำไม่นาน เขาก็หายไปแล้ว"

โหลชีเงียบไปอึดใจ พลางว่า "ไม่ว่ายังไง พวกท่านจะหยุดลงไม่ได้ ต้องเดินต่อไปข้างหน้า ข้าจะหาหนทางทลายภาพลวงตานี้ ค่อยตามหานักพรตเลวกับเสด็จพ่อ"

มีนักพรตเลวอยู่ อย่างน้อยก็ช่วยนางได้มาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ