ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 659

นั่นไง ฝูงงูพลันหยุดไล่ตามมาทางนาง พวกมันเหมือนงุนงงไปชั่วขณะ ผ่านไปสักพัก พวกมันถึงจับทิศทางได้ และไล่ตามวู๊วูออกไปราวกับน้ำหลากสีดำ

แต่พวกมันเร็วไม่เท่าวู๊วูแน่ ดังนั้นพวกเขาเลยเห็นวู๊วูทำตัวเหมือนเล่น พาฝูงงูดำมุดโน่นโผล่นี่ไม่หยุด

ดูแล้ววู๊วูไม่น่าเป็นอะไรชั่วคราว แต่ต้องล่อพวกงูไปที่หมอกดำถึงจะได้

"ทำไมงูพวกนี้ถึงควบคุมหมอกดำได้?" ซวนหยวนจ้านถามอย่างสงสัย

"กิน"

ซวนหยวนคงกลับพูดออกมาแค่คำเดียว

โหลชีกลับอธิบายว่า "ทุกสิ่งล้วนมีคู่ปรับกัน มีหมอกดำเหลือเชื่อเช่นนั้น ก็ต้องมีงูดำเหลือเชื่อเช่นนี้ งูดำสามารถกลืนกินหมอกดำ และเปลี่ยนพวกมันให้เป็นพลังกับร่างกายตน"

"มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ"

"นักพรตเลว ตอนนี้จะคิดหาทางให้วู๊วูออกไปยังไง?" โหลชีพูดพลางควักยาออกมายัดใส่ปาก เหมือนกินขนม

นางใช้คำสาปเลือดดวงชะตาไป ตอนนี้ถึงจะอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ครั้งก่อนที่นางใช้คำสาปเลือดดวงชะตาก็เพื่อช่วยชีวิตเฉิงสิบ และตอนนั้นนางยังไม่ได้มียาดีขนาดนี้ แต่ครั้งนี้เพียงแค่ส่งกลิ่นอายเล็กน้อยให้วู๊วู นางเองก็มียาดีครอบจักรวาลที่บางคนอาจจะหาทั้งชีวิตก็หาไม่เจอ ดังนั้นไม่เป็นไรหรอก

แต่นางไม่มีทางยอมปะทะท่านหมิงด้วยตัวเองอีก จะอันตรายมากเกินไป

ซวนหยวนคงจับข้อมือนางไว้ และจับชีพจรให้ ก่อนจะวางใจบอกว่า "อ่อนเพลียนิดหน่อย เด็กไม่เป็นไร แต่พอกลับไปครั้งนี้ต้องบำรุงร่างกายให้ดี" ไม่ว่ายังไง คำสาปเลือดดวงชะตาก็ทำร้ายร่างกายนางอยู่ดี ต้องบำรุงให้มากหน่อย

"ข้ารู้"

"เจ้าก็ห้ามอยู่ที่นี่ต่อไป ตาค่ายน่ะจะสิ้นเปลืองปราณเจ้า ขืนอยู่ต่อไป เจ้าจะเหลือชีวิตรอดอีกรึ?" นักพรตเลวกัดฟันบอก "ดังนั้นพวกเราฝืนทะลวงค่ายซะ!"

"ฝืนทะลวงค่าย?"

"ไม่ใช่ทะลวงค่ายทั้งหมด แต่ออกไปจากตาค่ายนี่ พี่ใหญ่ มันอาจต้องสิ้นเปลืองพลังท่านไปแปดเก้าส่วน"

"มาสิ ข้าเคยกลัวที่ไหน!" ซวนหยวนจ้านตบอกผ่าง

"วิชาวิญญาณ์รบ!" โหลชีสองตาเป็นประกาย เข้าใจความหมายของซวนหยวนคง

ซวนหยวนคงพยักหน้าอย่างแรง "ใช่ วิชาวิญญาณ์รบ! น่าเสียดายนัก ถ้าสามารถผสานกับเพลงกลองขวัญ พลานุภาพก็พอแล้ว! น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่ากลองขวัญไปอยู่ที่ไหน..." เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นโหลชีทำหน้าพิกล

"นักพรตเลว ฮัมเพลงตามแบบกลองขวัญออกมาได้ไหม?"

"เจ้าเป็น?"

"กลองขวัญอยู่ในมือพวกเรา ข้าเคยได้ยินลูกผู้พี่ชายตีกลองขวัญมาก่อน" โหลชียังรู้สึกว่า แท้ที่จริงแล้ว ชะตาล้วนกำหนดไว้แล้ว

บางทีการปรากฏตัวของกลองขวัญ ก็เพื่อวินาทีนี้ และเพราะอย่างนี้ นางเลยยิ่งมั่นใจในการทลายค่ายกลมากขึ้น

"พวกเราต้องทลายค่ายออกไปได้แน่! ทำลายหมอกดำ! ควบคุมงูดำได้! ในเวลาเดียวกัน ฆ่าท่านหมิง!" นางกำหมัดแน่ จิตใจฮึกเหิมขึ้นมา

ซวนหยวนจ้านฮึกเหิมตาม ร้องรับเสียงดังว่า "ใช่! กลัวเขาที่ไหนกัน!"

มองดูสองพ่อลูกนี่ พวกเทียนยีก็สายตาเป็นประกายเช่นกัน ความมั่นใจเต็มร้อย

ซวนหยวนคงกลับหัวเราะเสียงดังว่า "ดี งั้นก็มาเถอะ! เสี่ยวชีฮัมเพลง พวกเราทุ่มกำลัง ระเบิดภูเขาลูกนี้ซะ!"

ระเบิดภูเขา

มิน่าเขาบอกต้องสิ้นเปลืองพลังซวนหยวนจ้านไปแปดเก้าส่วน

ทุกคนสบตากัน พร้อมใจกันกางขาเป็นท่าขี่ม้า ทำท่าเตรียมพร้อม

โหลชีสีหน้าตึงเครียด จากนั้นก็มีเสียงฮัมเพลงลอยออกมาจากริมฝีปากนาง ในสมองนางเริ่มผุดภาพที่ตอนแรกซวนหยวนฉงโจวตีกลองขวัญในตอนที่ยังเป็นซู่ฉงโจว หูเหมือนจะแว่วเสียงกลองนั่น

จิตวิญญาณนักรบลุกโหม จิตวิญญาณการต่อสู้โหมสะพัด

สายเลือดของพวกเขาเหมือนกำลังร่ำร้อง บุก!บุก!บุก!ฆ่า!ฆ่า!ฆ่า!

หลายคนลงมือพร้อมกัน

ฮ่องเต้จ้านทุ่มเทสุดกำลัง ก็คือพื้นดินสั่นสะเทือน

"ระเบิดแล้ว!"

ซวนหยวนจ้านระเบิดเสียง ซัดหมัดใส่ด้านบนทันที ซวนหยวนคงตามติดไม่ลดละ พวกเทียนยีก็กัดฟันทุ่มเต็มแรงออกไป

"บรึ้ม!"

ได้ยินแต่เสียงสนั่น จากนั้นก็เศษหินร่วงกราว ถ้ำหนึ่งโดนพวกเขาระเบิดจนเป็นรูออกมา แสงด้านนอกสาดเข้ามา ผืนน้ำสะท้านสะเทือนไปหมด

ตาค่ายมีจุดบอดอีกอย่าง นั่นก็คือไม่อาจจะเจอแสงอาทิตย์ได้ หากมิใช่เพราะฮ่องเต้จ้านอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่มีทางได้ระเบิดภูเขาเหนือหัวได้ แต่ฮ่องเต้จ้านอยู่!

ฮ่องเต้จ้านที่เคยชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดินใหญ่หลงหยิน หากจะทุ่มแรงสุดกำลังจริงๆ เฉินซ่าไม่แน่จะสามารถรับกระบวนท่านี้ได้

"ได้แน่นอน! จุดบอดอยู่ด้านบน!" ซวนหยวนคงร้องออกมาเสียงดัง

โหลชีเข้ามาพยุงพ่อได้ทันเวลา มีเลือดไหลจากมุมปากเขาเล็กน้อย สีหน้าซีดเผือด แต่สายตากลับเป็นประกายวิบวับ "ดี ดีมาก! เสี่ยวชี พวกเราออกไปกัน!"

"พวกเจ้ายังไหวไหมเนี่ย?" สายตาโหลชีกวาดตามองไปยังพวกเทียนยี

"ไหว!" พวกเทียนยีร้องรับพร้อมกัน

"ดี ไป! วู๊วู ไป!"

โหลชีพยุงซวนหยวนจ้าน แตะพื้นเล็กน้อย เหาะทะยานขึ้นฟ้า

ทุกคนรีบตามไป

วู๊วูก็พุ่งตามออกไป มีฝูงงูสีดำตามติดเป็นพรวน

ตาค่ายทลายลง

ท่านหมิงหันหัวมองทางนี้ทันที ดวงตาเบิกโพลงแทบจะทะลุออกมา ไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลย! เป็นไปได้อย่างไรกัน?

"พรืด!"

เขากระอักเลือดออกมาคำโต

ตาค่ายทลายลง ผู้วางค่ายกลย่อมโดนผลสะท้อนกลับ ค่ายกลยิ่งแกร่งเท่าใด ผลสะท้อนก็ยิ่งมากเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ