บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 112

ทุกคนต่างยกถ้วยขึ้นมา แต่ก็ทำไปตามมารยาทเท่านั้น หลังจากเห็นเย่จายซิงและเย่ยู่หยางพากันดื่มน้ำชาลงไปแล้วนั้น ก็เอาถ้วยวางลง

พวกเขาต่างมีเรื่องอยู่ในใจ ก็เลยไม่มีกะจิตกะใจจะดื่มน้ำชา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาดูแคลนเย่จายซิง แล้วเป็นไปได้ยังไงที่จะดื่มน้ำชาที่นางเทให้

พอได้ยินเย่จายซิงถามพวกเขาว่าทำไมไม่ดื่ม ฮูหยินเฒ่ากระแอมออกมาอย่างเย็นชาหนึ่งคำ

“เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกเหรอ ตระกูลเย่ของพวกเราทำไมถึงได้มีคนอกตัญญูเช่นเจ้าได้! คิดไม่ถึงว่าจะกล้าใส่ร้ายป้ายสีท่านอาสามและท่านน้าสามของเจ้าได้ ตอนนี้เจ้ายอมรับมาแต่โดยดีเสียดีกว่า เอาของสกปรกนั้นออกมา ข้าจะยังตัดสินโทษเบาแก่เจ้า! มิเช่นนั้นก็ลงโทษตามกฎตระกูล!”

เย่จายซิงหัวเราอย่างเย้ยหยันออกมาคำหนึ่ง

“ทนมาตั้งนาน พวกเจ้าไม่ได้จะมาฉลองเรือนหลังใหม่ให้ข้าและเสี่ยวยู่ และก็ไม่ได้ยินดีกับการฟื้นฟูผลการฝึกตนของเสี่ยวยู่จากใจจริง แต่กลับหาคนรับผิดแค่นั้น พวกเจ้าหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ แต่……”

พอคำพูดของนางเปลี่ยนไป ในน้ำเสียงนั้นก็เคร่งขรึมขึ้น

“สิ่งที่ท่านพ่อของพวกเราหลงเหลือไว้ให้พวกเราสองพี่น้อง ท่านแก่ปางตาย มีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่าย? แล้วเอาอะไรมาบอกว่ามันเป็นของสกปรก! พวกเจ้ามันก็แค่มอดฝูงหนึ่ง ไม่มีท่านพ่อของข้า พวกเจ้าก็เป็นได้แค่เศษสวะ ไม่รู้จักบุญคุณก็พอเข้าใจได้ รู้แต่เพียงรสชาติแห่งการเอาคืน หากพวกเจ้าใช้วิธีการที่เปิดเผยซึ่งหน้า ข้าอาจจะอารมณ์ดีและชื่นชมอะไรกับพวกเจ้าบ้าง ตอนนี้น่ะเหรอ ขอโทษด้วย แม้แต่ลูกชายคนเดียวก็ไม่มี!”

“เจ้านี่มันบัดซบสิ้นดี!” ฮูหยินเฒ่าหยิบชามที่อยู่ตรงหน้าโยนกระแทกไปทางเย่จายซิง

นางค่อยๆ หันหน้าไป ชามไม่โดนแม้แต่เส้นผมของนางเลย และแตกลงบนพื้น

นางยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย็นชา มองมาทางเย่เจียหรง

“พี่ใหญ่ ในบ้านหลังนี้ หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วท่านเป็นคนที่จิตใจดีอ่อนโยนที่สุด หากให้คนอื่นรู้ว่าท่านเป็นพวกอสรพิษเฉกเช่นเดียวกับพวกเขา คุณธรรมเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าพวกคนที่รักและเทิดทูนบูชาท่านจะรู้สึกเช่นไรจริงๆ”

เย่เจียหรงยิ้มด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน ค่อยๆ มองมายังเย่จายซิงและกล่าวว่า

“น้องสี่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าทำผิดไปแล้วมาเถียงข้างๆ คูๆมันไม่ถูก สู้ยอมรับผิดต่อหน้าท่านย่าไม่ดีกว่าหรือ ข้า จะอ้อนวอนขอความเมตตาต่อหน้าท่านย่าแทนเจ้าเอง”

ท่าทางที่มีเมตตาเช่นนี้ของนาง เรากลับว่าทำเรื่องดีงามไว้มากเท่าไรเชียว คำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน

“น้องหรง อย่าเปลืองน้ำลายกับนางเลย! ข้าเองดีกว่า!”

นางโจวเดินเข้ามาด้วยท่าทางพร้อมลุยเต็มที่ ยื่นมือไปจะตบหน้าเย่จายซิง เพื่อจะล้างแค้นที่หลายวันนี้ถูกคุมขังไว้

แต่นางยังไม่ได้แตะต้องถูกเย่จายซิงเลย ก็ถูกแรงมหึมากระทืบไปที่ท้อง กระทืบจนกระเด็นออกไปเลย

นางโจวร้องเจ็บปวดโอดครวญ เลือดออกที่มุมปาก มองมาทางเย่ยู่หยางด้วยท่าทางเกลียดชัง

“ไม่ได้เรื่อง!”

เย่เจ๋อบูด่าว่านางโจว

“พวกเขาโดนวางยาไปแล้ว อีกประเดี๋ยวพิษก็จะกำเริบแล้ว เจ้าเข้าไปตอนนี้ก็สมควรโดนทำร้ายไม่ใช่เหรอ?”

พูดจบ เขาก็เดินไปทางสองพี่น้อง แล้วกล่าวด้วยท่าทางข่มขู่ว่า

“จะบอกความจริงให้เอาบุญ พวกเจ้าถูกตระกูลพิษเรื้อรังชนิดหนึ่งเข้าไป อีกประเดี๋ยวพิษก็จะกำเริบ อวัยวะภายในร่างกายก็จะพัง ราวกับตายทั้งเป็น เย่จายซิง ตอนนี้เจ้าส่งมอบกษาปณ์แก้วกาฬและของล้ำค่าพวกนั้นที่ชนะที่ลานนั่นออกมาซะ ท่านอาสามจะรีบเอายาถอนพิษให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”

“ยังมียานิพพาน!”

นางเสิ่นเพิ่มเติมคำพูด

ในใจของเย่เจียหยูรู้สึกสบายใจมาก เย่จายซิง เจ้าก็มีวันนี้เช่นกัน!

นางอยากจะเปิดเผยความจริง แต่ท่านพี่บอกว่าเรื่องสกปรกให้คนอื่นไปทำ อย่าให้เปรอะเปื้อนมือของตัวเอง ที่ดีที่สุดคือไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามก็ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เช่นนี้แล้วจึงจะเป็นนิรันดร์ที่สุด ดังนั้นนางอั้นไว้ไม่ส่งเสียงเลย

“ที่แท้พวกเจ้าวางยาในถ้วย!”

เย่ยู่หยางกล่าวอย่างเย็นชา

“ไม่วางยาก็จัดการพวกเจ้าไม่ได้! นับประสาอะไรกับวิธีการแค่นี้อ๋องเซ่อเจิ้ง ยาพิษนี้ที่พวกเจ้ากิน หากไม่มียาถอนพิษก็จะเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย แม้ว่าจะเป็นอ๋องเซ่อเจิ้งก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้ ถ้าพวกเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ก็ส่งมอบของพวกนั้นออกมาอย่างไม่ตุกติกซะ!”

ในดวงตาของเย่เจ๋อบูเต็มไปด้วยความละโมบอย่างหาที่สุดมิได้

คนที่เหลือนั้นก็ดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน

กษาปณ์แก้วกาฬ ในนั้นอย่างน้อยต้องมีเงินที่เป็นหินทิพย์ขั้นต่ำร้อยล้าน! อยู่ในเฉินตูก็เป็นเงินก้อนใหญ่มหาศาลเลย

ยังมียาล้ำค่าที่มากมายเช่นนั้นอีก ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ไม่น้อยเลยด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา