ภายในใจของโจวหรงรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก
วันนี้เขาเป็นเพียงผู้คุ้มกันคนเดียวที่ลงเขาติดตามเย่จายซิงมา เพียงลงเขามาได้ไม่นาน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีคนลอบติดตามเย่จายซิงมาในทันที
เขารีบรายงานต่อเย่จายซิง ทว่า นางหาได้มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจไม่ ทั้งยังเดินไปซื้อวัตถุดิบปรุงโอสถอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอีกด้วย ราวกับว่านางมิได้สนใจฝ่ายตรงข้าม
ในสายตาของโจวหรงนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้ามีพลังปราณอยู่ขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ อีกสองคนเป็นลูกศิษย์ชั้นเอกของสำนักเสวียนปิง โจวหรงพลันรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาในทันที
เห็นได้ชัดว่า เขามิใช่คู่มือของคนตรงหน้า
หากแต่เย่จายซิงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ ทั้งยังชักกระบี่ออกมาเพื่อเข้าสู้กับฝ่ายตรงข้ามในทันที
เขาที่เป็นเพียงผู้คุ้มกันที่ได้รับเงินเพื่อมาขจัดปัดเป่าภัยอันตรายนั้นในเมื่อเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้ว ก็ได้แต่ต้องกัดฟันเข้าร่วมต่อสู้ ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร เขาก็จักต้องพาเย่จายซิงฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้
ทันใดนั้น โจวหรงพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นแสังหารที่ปะทุออกมาจากตัวของเย่จายซิงได้ในทันที พร้อมด้วยการเคลื่อนไหวของนางดั่งสายฟ้าแลบ พลางกระโจนเข้าไปในดงต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม
โจวหรงถึงกับชะงักไปโดยพลัน!
แม่นางน้อยผู้นี้ มีพลังปราณเป็นผู้ฝึกตนถึงขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์เลยหรือ!
ตอนที่เขารับคำสั่งให้ติดตามนางมานั้น ยังคิดว่านางเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาในสำนัก ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบการซื้อหาวัตถุดิบปรุงโอสถเท่านั้น!
พระเจ้า!
สำนักเฉียนคุนที่ใกล้จะถึงคราวล่มสลาย กลับมีเสือหมอบ มังกรแอบ เก็บซ่อนแม่นางน้อยอัจฉริยะผู้นี้เอาไว้ ?
ทั่วร่างของโจหรงพลันชะงักไปในทันที เขามีชีวิตอยู่มานานหลายปีเช่นนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับผู้ฝึกตนสตรีที่มีปราณแข็งแกร่งเช่นนี้!
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่ห่างไกลและยังกันดารอีกด้วย!
โจวหรงที่หยิบอาวุธของตนขึ้นมา เพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลือนางนั้น กลับพบว่าประสบการณ์ต่อสู้ของเย่จายซิงกลับทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นพลังกายหรือชี่ทิพย์ ล้วนแต่สามารถกดดันฝ่ายตรงข้ามทั้งสามคนให้จมดินไปได้ในทันที
เขาในยามนี้ จึงคล้ายกับตัวถ่วงที่ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก!
หรือว่าเขาควรจะไปซื้อกลองออกรบมาตีร้องอยู่ข้างกายนาง เพื่อเป็นการให้กำลังใจเย่จายซิงดี?
เย่จายซิงโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
นางในยามนี้ คล้ายกับสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งก็ไม่ปาน เพียงแค่ลงมือ ก็หาได้เหลือโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้มีชิวิตอยู่ไม่ ทั้งยังกดดันฝ่ายตรงข้าม มุ่งหน้าเข้าโจมตีพวกเขาเสียจน พวกเขาแทบไม่มีโอกาสแม้แต่จะหายใจ
ทำเอาศิษย์สายในเช่นฉียวี่เจียและกัวเจียงเหม่อมองไปด้วยความตกตะลึงในทันที
นอกจากตกตะลึงแล้ว พวกเขายังตื่นตระหนกอีกด้วย
พวกเขามิเคยพบเห็นการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและป่าเถื่อนเช่นนี้มาก่อนเลย อีกทั้งคนตรงหน้ายังเป็นเพียงแม่นางน้อย พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่า ก่อนหน้านั้น นางจะต้องพบเจอกับประสบการณ์เช่นไรมาบ้าง ถึงได้มีไอสังหารการสู้รบที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเช่นนี้ไปได้
เพียงแค่เห็นนางลงมือ พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีว่านางหาใช่ปุถุชนคนธรรมดาไม่ นางในยามนี้คล้ายกับแม่ทัพหญิงที่ออกศึกสู้รบมานับไม่ถ้วนแล้ว
ฉียวี่เจียในยามนี้แม้แต่ความกล้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ช่วยสายนอกทั้งสามคนนั้น นางก็หาได้มีไม่
นางในยามนี้เชื่อสุดใจแล้วว่าเย่จายซิงเป็นผู้ที่ลงมือสังหารท่านเจ้าสำนักจงจริงๆ ต้องเป็นนางแน่ๆ ที่เป็นผู้สังหารเจ้าสำนักผู้อาวุโสจู
สำนักเฉียนคุนที่ตกอับ เหตุใดถึงได้มีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาได้!
กัวเจียงที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความงุนงงเช่นกัน แต่เขาก็ยังคงพุ่งตัวเข้าไปร่วมวงด้วย เพื่อช่วยต่อสู้กับพวกเขาด้วยอีกแรงหนึ่ง เขาไม่อาจให้เย่จายซิงสังหารผู้ช่วยสายนอกทั้งสามคนของเขาได้
โจวหรงที่อยู่ข้างกายเย่จายซิงเห็นเช่นนั้น ก็หยิบอาวุธของตนเองมุ่งหน้าเข้าไปขวางกัวเจียงเอาไว้ ทั้งสองคนจึงเข้าห้ำหั่นกันในทันที
แน่นอนว่ากัวเจียงมิใช่คู่ต่อสู้ของโจวหรง โจวหรงที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนสายรองนั้น แม้ว่าพรสวรรค์มิได้เป็นเลิศ หากแต่อายุอานามของเขา สามารถรักษาตัวรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขาย่อมเพิ่มมากตาม แม้พลังปราณของเขาจักอยู่ที่แดนมหาจักรพรรดิทิพย์ขั้นต้นทว่า การต่อสู้กับกัวเจียงนั้น จึงนับได้ว่าเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาเท่านั้น
หากแต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงศิษย์ในสำนักเสวียนปิง เขาย่อมไม่อาจลงมือถึงแก่ชีวิตได้ เพื่อป้องกันความยุ่งยากที่จะตามมา
นัยน์ตาของเย่จายซิงพลันวาวโรจน์ราวกับแสงไฟในสงคราม แม้ว่าการต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามที่มากกว่าสามคนนั้น จะกินแรงนางไปบ้าง แต่ยิ่งนางได้ลงสนามออกไปสู้รบมากเท่าไหร่ความกล้าของนางยิ่งมีมากขึ้นหลังการต่อกรผ่านไปถึงร้อยกระบวนท่า นางก็ยิ่งเชี่ยวชาญการต่อสู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเป็นการช่วยกระตุ้นความสามารถของนางในส่วนลึกออกมามากยิ่งขึ้น มืออีกข้างที่จับกระบี่ต่อกรกับสามคนที่อยู่ตรงหน้านั้น มืออีกข้างกลับปรากฏเชือกเส้นหนึ่งออกมาแทน
นางพลันตวัดเชือกออกไปมัดคนผู้หนึ่งเอาไว้ เพียงแค่ถูกเชือกพันธนาการเอาไว้ได้แล้วนั้น คนผู้นั้นก็จะไม่อาจหลุดออกจากพันธนาการนี้ไปได้ในทันที
สายตาของเย่จายซิงพลันเปล่งประกายระยิบระยับ ในหัวของนางปรากฏคนว่า“เชือกมัดเซียน” ขึ้นมาสามคำ มืออีกข้างที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่อยู่ในมือ พลันทะลุเข้าขั้วหัวใจของผู้ที่ตกอยู่ในพันธนาการของเชือกไปในทันที
เพียงแค่ใช้พลังทิพย์เพียงเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...