บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 49

“หากเสด็จพี่สามารถประกาศตัวเป็นศิษย์ศูนย์สำนักอย่างเป็นทางการในการทดสอบครั้งนี้ ก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครอบจากอาจารย์กลั่นยาของศูนย์สำนัก ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่กลัวจวินหยวนแล้ว!”

ฮ่องเต้กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น หลายปีนี้เขามีชีวิตอยู่ใต้เงามืดของจวินหยวนมาตลอด แม้ว่าจวินหยวนจะหายไปหลายปีแล้ว เขาก็ไม่เคยมีวันไหนเลยที่จะลดความระแวดระวังลง เสด็จพ่อของพวกเขาเป็นโรคหลงๆลืมๆ นี่คือเหตุผลที่จวินหยวนสังหารเสด็จพ่อ แต่ตามที่พวกเขาสัมผัสได้ก็คือจวินหยวนอยากฆ่าใครก็ดูตามอารมณ์ ในสายตาไร้ซึ่งกฎหมาย แต่กลับได้ใจของประชาชนอย่างมาก

ฮ่องเต้องค์ใหม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อปกครองประเทศ ขยันขันแข็งทุกวัน ไม่กล้ารื่นเริง ในวังหลังแม้แต่สนมก็ยังไม่กล้าเลือกมาเยอะ ขันทียังเยอะกว่านางสนมในวังเสียอีก

แม้แต่ในความฝันเขาก็คาดหวังให้จวินหยวนตายวันตายคืน รสชาติของการมีดาบเล่มหนึ่งปักอยู่บนหัวนั้นมันช่างทนได้ยากยิ่งนัก

“ท่านอาวุโสโจได้รับข้าไว้เป็นเด็กศิษย์แล้ว เขาให้คำมั่นว่าหากข้าสามารถผ่านการทดสอบเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการได้ก็จะรับข้าไว้เป็นศิษย์ในคาถา ตอนนั้นผู้คนจากตระกูลใหญ่พวกนั้นแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็จะต้องพากันมาประจบประแจงข้า เพียงแค่ข้าอยากให้จวินหยวนตายก็ยังไม่ใช่เรื่องของคำพูดเดียวเลย”

องค์หญิงหลิงหยุนกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางที่ค่อนข้างเย่อหยิ่ง

เหตุผลสำคัญที่จวินหยวนสามารถอยู่ในแคว้นหงส์แดงแบบอำนาจครอบคลุมไปหมดได้นั้นก็คือไม่มีใครที่สามารถฆ่าคนของเขาได้ องครักษ์ลับของเขาแข็งแกร่งเกินไป และตัวของจวินหยวนเองยังมีใจที่เชื่อมกับอสูรทิพย์กิเลนตัวหนึ่งอีก

ทั่วทั้งแผ่นดินเทียนเหย้าก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีใจเชื่อมกับอสูรทิพย์ได้ คนหนึ่งคือเซ่าตี้โม่เสิ่นยวน อีกคนหนึ่งก็คือจวินหยวน

แต่กิเลนของจวินหยวนยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพียงแค่มีผู้แข็งแกร่งที่ยอดยุทธ์สังหารเขาก็ไม่ใช่ปัญหา

“งั้นก็ช่างเป็นการดีเสียจริงเชียว เสด็จพี่ท่านวางใจได้ ข้าจะพยายามเอายาสมุนไพรพวกนี้มาให้ได้แน่นอน ช่วยให้ท่านผ่านการทดสอบของศูนย์สำนัก”

พี่น้องสองคนเริ่มวาดหวังไว้แล้วว่าจวินหยวนจะตายวันตายพรุ่ง แคว้นหงส์แดงอยู่ในมือของพวกเขานับวันจะต้องยิ่งแข็งแกร่งขึ้น บนใบหน้าของทั้งสองคนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

ผ่านไปไม่นานเซี่ยซือห้าวก็เข้ามาในวังก่อน

ไม่รอที่จะให้เซี่ยซือห้าวที่หน้าเขียวอยู่นั้นตั้งคำถาม ฮ่องเต้ก็กล่าวขึ้นว่า

“ซือห้าว ข้ารู้ว่าให้เจ้าอภิเษกกับเย่จายซิงเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าลำบากใจแล้ว แต่ข้าได้ยินว่านางอาศัยการที่อ๋องเซ่อเจิ้งปกป้องคุ้มครองนางเล่นงานเจ้าในงานประมูล ทำให้เจ้าขายหน้า เพียงแค่เจ้าเอานางแต่งเข้าตระกูลไป นางก็คือคนของตระกูลเซี่ย อยากจะจัดการกับนางอย่างไรก็ได้หมด”

เซี่ยซือห้าวกัดฟันแววตาสั่นไหวแล้วกล่าวว่า​ “แต่ว่าอ๋องเซ่อเจิ้งดูเหมือนว่าจะสนใจในตัวนาง......”

ฮ่องเต้โบกมือแล้วกล่าวอย่างน่าสนใจว่า

“จุดนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ อีกประเดี๋ยวเจ้าแค่รับราชโองการก็พอแล้ว ข้าแค่อยากจะลองดูท่าทีของอ๋องเซ่อเจิ้งสักหน่อย หากเขาไม่มีการคัดค้านใดหมายความว่าเขาไม่ได้สนใจคนอัปลักษณ์ผู้นั้นอยู่แล้ว เจ้าแต่งนางกลับไป อยากจะทรมานนางยังไงก็ได้ พอรอจนนางตาย เจ้าก็ยังสามารถแต่งเมียใหม่ได้อีก”

“งั้นหากอ๋องเซ่อเจิ้งสนใจล่ะขอรับ?”

แน่นอนว่าเซี่ยซือห้าวอยากให้เย่จายซิงตาย แต่ความหวาดกลัวที่เขามีต่อจวินหยวนนั้นมันไม่น้อยเล็กทีเดียว เขากลัวว่าจะได้รับการเอาคืนจากจวินหยวน

“เป็นไปไม่ได้!”

องค์หญิงหลิงหยุนหัวเราะอย่างเย็นชา สีหน้าที่ดูบอบบางละเอียดอ่อนแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน นางกล่าวว่า

“เพียงเป็นผู้ชายปกติในใต้หล้านี้ก็ไม่อาจที่จะชอบหญิงอัปลักษณ์อย่างเย่จายซิงได้แน่ นางไม่สามารถฝึกตนได้ อีกทั้งไม่มีภูมิหลังและทรัพย์สมบัติ เหตุใดจวินหยวนจึงชอบพอนางได้”

แม้ว่านางจะเกลียดจวินหยวน แต่จวินหยวนนั้นแข็งแกร่งมาก นางก็ไม่ปฏิเสธในจุดนี้ เย่จายซิงนั้นแม้แต่องครักษ์ลับที่อยู่ข้างตัวของนางก็ยังไม่คู่ควรเลย อีกทั้งจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เพื่อเย่จายซิงได้อย่างไร

เซี่ยซือห้าวยังคงลังเลอยู่ ตอนที่อยู่ในงานประมูลนั้น เห็นได้ชัดว่าอ๋องเซ่อเจิ้งมีท่าทีที่ไม่ธรรมดาต่อเย่จายซิงเลย

แต่เขาเกลียดชังเย่จายซิงมาก น้องหยูบอกว่านางจงใจให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อ๋องเซ่อเจิ้งให้มากัดนาง รอยแผลเป็นบนมือชั่วชีวิตนี้ก็ลบไม่ออก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับนางได้เลย

พอคิดถึงจุดนี้เขาก็พยักหน้าทันทีแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยยินยอมรับราชโองการพะย่ะค่ะ!”

“ดี!”

ฮ่องเต้และองค์หญิงหลิงหยุนต่างยิ้มขึ้นมาทนัที รอการมาถึงของเย่จายซิง

จากนั้นก็รอเป็นระยะเวลานานมาก และในตอนที่ทุกคนคิดว่านางจะขัดคำสั่งไม่มา นางจึงปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ในใจของใครหลายคนโมโหมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงออก ณ ที่ตรงนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา