บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 51

เซิ่งเหว้ยโหลสาขาใหญ่อยู่ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ สาขาย่อยอื่นๆ นั้นเมืองหลวงในแต่ละดินแดนต่างก็มีทั้งนั้น

เย่จายซิงได้ยินมานานแล้วว่าอาหารที่เซิ่งเหว้ยโหลเลิศรสมาก ไม่มีเวลาออกมาโดยตลอด แต่ที่สำคัญก็คือต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งเดือนจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

นางตามจวินหยวนมาจนถึงเซิ่งเหว้ยโหล ในเวลานี้โคมไฟเริ่มถูกติดขึ้นไปเรียงรายห้อยอยู่สูงตระหง่าน ทำให้สะท้อนความอลังการของร้านแห่งนี้ออกมา

เข้าไปแล้วจึงพบว่าการตบแต่งภายในดูโอ่โถงสง่างาม บนพื้นและบนโต๊ะก็สะอาดสะอ้าน เสี่ยวเอ้อในร้านก็ยืนเป็นระเบียบเรียบร้อย ต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ไม่แปลกเลยที่เป็นร้านที่แพงที่สุดในดินแดนทั้งหมด มองแวบเดียวก็รู้ว่ามีมาตรฐานสูง เพียงแค่ไม่รู้เหมือนว่าอาหารอร่อยสมคำร่ำลือเช่นนั้นหรือไม่

ที่นี่คนฐานะทั่วไปอาจจะจ่ายไม่ไหว หนึ่งมื้ออย่างน้อยราวพันตำลึง คนที่มาเยือนจะต้องฐานะร่ำรวยมาก

จวินหยวนเป็นผู้ชายที่ฐานะสูงส่งยิ่งกว่าฮ่องเต้ในแคว้นหงส์แดงเสียอีก พอมาเยือนก็ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างอย่างแน่นอน เถ้าแก่มาต้องรับด้วยตัวเอง พาพวกเขาเข้าไปยังห้องรับรองห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นบนสุด

ชั้นบนสุดของเซิ่งเหว้ยโหลมีห้องรับรองเพียงห้องเดียว ผู้ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงจะอยู่ภายใต้สายตา

“อยากกินอะไรล่ะ?”

จวินหยวนถามนาง

“ไม่รู้ เจ้าแนะนำหน่อยสิ”

เขาปิเมนูอาหารและพูดกับเถ้าแก่ว่า “เอาอาหารทุกอย่างมาอย่างละจาน”

คู่ควรแล้วที่ร่ำรวย นางหัวเราะเยาะในความฟุ่มเฟือยของเขาว่าไม่จำเป็นต้องขนาดนี้

“ข้ายังไม่รู้รสนิยมของเจ้า เจ้าลองชิมอาหารแต่ละอย่างดูก่อนละกัน หากกินไม่หมดก็ส่งไปให้ขอทานในเมืองได้”

เขากล่าว

“ก็ได้”

ในสมัยโบราณต่างใช้ตะเกียบกลางทั้งนั้น และด้านข้างยังมีเสี่ยวเอ้อคอยตักอาหารให้โดยเฉพาะ อาหารที่กินไม่หมดต่างล้วนก็สะอาดสะอ้าน

มีขอทานบางคนไม่มีทางได้กินอาหารดีเช่นนี้ในชาตินี้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดอะไร

อาหารขึ้นเร็วมาก กลิ่นของอาหารแต่ละจานนั้นหอมฉุยไปหมด เย่จายซิงรับรู้ได้ถึงความมีกระชุ่มกระชวยต่อหน้าอาหารพวกนี้

มิน่ามีอาหารบางอย่างแพงจนไร้เหตุผล เพราะวัตถุดิบที่เอามาทำอาหารก็หามาได้อย่างยิ่ง อย่างเช่นกุ้งเป็นกุ้งทิพย์จากทะเลสาบน้ำแข็งลึกที่อยู่ยังภูเขาสูง ไข่เป็นไข่ที่เก็บมาจากสัตว์ทิพย์ขั้นสูงในป่าลึก ผักก็ล้วนเป็นยาทิพย์ที่ขึ้นอยู่บนหน้าผา พอมาผนวกรวมเข้ากันกับฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมของพ่อครัว รสชาติของอาหารแต่ละจานต่างมีเอกลักษณ์อย่างยิ่งยวด

รสชาติที่หอมหวนเลิศรสพอผู้ฝึกตนได้กินยังจะช่วยเติมพลังทิพย์ให้อีกด้วย

สำหรับคนเช่นเย่จายซิงที่ไม่อาจฝึกจิตได้แบบนี้ก็สามารถเพิ่มเลือดได้เช่นกัน

ปริมาณของอาหารแต่ละจานไม่ได้เยอะ แต่จวินหยวนสั่งมาเยอะเกินไปจริงๆ นางได้แค่ลองชิมในแต่ละจานเท่านั้น เหลือท้องไว้ชิมอาหารที่มาทีหลังด้วย

พูดตามจริงนี่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่นางเคยกินมาในชาตินี้ โลกปัจจุบันไม่สามารถทำรสชาติเช่นนี้ได้ และก็ไม่มีวัตถุดิบที่เฉพาะอย่างเลิศล้ำเช่นนี้ด้วย

แต่พอกินไปถึงตอนท้ายแล้วในร่างกายมีชี่ทิพย์ไหลเวียนไปมา ทำให้นางรับไม่ค่อยไหวเท่าใดนัก

จวินหยวนโบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไป แล้วเดินมาทางนาง

“ยื่นมือมา”

นางลังเลอยู่ชั่วครู่จึงยื่นออกไป เขาจับมือของนางไว้แน่น ในตอนที่เย่จายซิงกำลังจะขมวดคิ้วกลับรับรู้ถึงพลังที่อบอุ่นไหลเข้าสู่ร่างกาย พอได้รับมันก็ทำให้ร่างกายผ่อนคลายขึ้น พลังทิพย์พวกนั้นที่นางไม่สามารถย่อยได้ถูกกวาดให้หายไปหมดเลย และมือของเขาก็เอากลับไปแล้วเช่นกัน

เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองเกือบเข้าใจเขาผิด นางจึงกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอบคุณเสด็จอามาก”

“เหลืออีกครึ่งปีพวกเราก็จะแต่งงานกันแล้ว”

จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา

ความหมายของคำพูดคือนางไม่ต้องทำตัวเกรงใจเช่นนี้

เย่จายซิง: ……

ใช่ ข้าทราบแล้ว ไม่ต้องเตือนข้าก็ได้ ขอบคุณมาก

มีเวลาอีกครึ่งปี นางจะต้องก่อร่างรากทิพย์ได้ใหม่อีกครั้ง ฟื้นฟูรูปลักษณ์หน้าตา ทำให้ทุกคนพากันแปลกใจไปเลยแล้วก็เป็นเจ้าสาวที่สวยงาม……ประหลาดน่ะสิ!นางรับปากเลยว่าจะหนีไปอย่างไร้ร่องรอยในนาทีแรกเลย การแต่งงานก็เหมือนหลุมฝังศพ นางยังอายุน้อยอยู่ ไม่อยากใช้ชีวิตที่ตายทั้งเป็น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา