บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 75

โส่วเหล่าซานรักษาชีวิตไว้ได้ ก็รีบราวกับเหาะไปตั้งค่ายกลหลอนจิตในไอพิษ

ที่จริงเขาไม่ได้โอ้อวดแม้แต่น้อย ตอนนั้นเขายังเป็นแค่หนูตัวน้อยที่เพิ่งได้ปัญญาทิพย์ เพราะบุญพาวาสนาส่ง หลบอยู่ในห้องฝึกวิชาของอ๋องมารเฒ่าอยู่หลายปี ได้เห็นได้ยินจึงเป็นค่ายกลหลอนจิต

ค่ายกลหลอนจิตนี้ จัดเป็นค่ายกลขั้นสูง แม้แต่ผู้แกร่งกล้าจากมหาจักรพรรดิทิพย์ก็สามารถถูกกักอยู่ข้างในออกมาไม่ได้ เขาเองก็โชคดีที่มีความสามารถนี้ จึงหนีจากภพมารมายังภพมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย

เพียงแต่เดิมทีเขาคิดจะแผ่อำนาจในภพมนุษย์ นึกไม่ถึงว่าเพิ่งออกจากภาพมารไม่นานก็ถูกหลงเฟยหลีจับตัวไว้ เวลานี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองกระจอกแค่ไหน ต่อหน้าหลงเฟยหลี เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืนเลย

เพื่อเอาตัวรอด เขาได้แต่ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาไปวัน ๆ

ตั้งค่ายกลหลอนจิตทีเดียวสิบค่าย เมื่อแน่ใจว่าเข้ามาแล้วไม่มีทางออกไปได้ เขาก็ยิ้มเยาะได้ใจ ถ้าว่าด้วยเรื่องการตั้งค่ายกล ยังไม่มีใครที่สามารถเทียบเขาได้

ทันใดนั้น หูของเขาก็กระดิก

“นึกไม่ถึงว่าจะมีคนเข้ามาค่ายหลอนจิตของข้าเร็วเช่นนี้ !”

ใบหน้าปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิงของโส่วเหล่าซานเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

รู้อยู่แล้วว่า พระราชวังโบราณแห่งนี้อยู่ใจกลางเทือกเขาที่พระอาทิตย์ลับฟ้า ไอพิษรอบ ๆ แผ่เป็นวงกว้างกว่าสิบลี้ ในบริเวณสิบกว่าลี้นี้มีอสูรปีศาจขั้นแปดซุ่มอยู่ไม่น้อย สุดขีดอันตราย แม้แต่เขาก็ไม่กล้าออกจากวังตามอำเภอใจ

เขานึกว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาสองสามวัน ชายหนุ่มที่มาหาสาวน้อยผู้นั้นจึงจะหาที่นี่เจอ นึกไม่ถึงว่าจะเร็วเช่นนี้

“ว่าแต่คิดจะออกจากค่ายกลหลอนจิตนั้น อย่าได้คิดเลย ค่ายกลหลอนจิตของข้าแต่ละค่ายเชื่อมต่อกัน ฌาณของเขาต้องเสื่อมลงเพราะไอพิษ แล้วจะสามารถหนีออกจากค่ายกลหลอนจิตเป็นสิบกว่าค่ายได้อย่างไร? จุ๊กกรู้ นายท่านข้าจะขังเขาให้ตายไปเลย!”

โส่วเหล่าซานเคี้ยวหญ้าอยู่ในปาก หัวเราะอย่างชั่วร้าย

ปล่อยให้สาวน้อยผู้นั้นหนีไปได้เพราะเขาดูถูกสาวน้อยผู้นั้นเกินไป คราวนี้เขาจะทำพังไม่ได้อีกเป็นอันขาด

……

อยู่ ๆ เย่จายซิงก็รู้สึกว่าแหวนร้อนขึ้นมา จิตใจนางหวั่นไหว สัญชาตญาณคิดว่าจวินหยวนเข้าใกล้นางมาแล้วใช่ไหม

ขณะกังวลในใจก็พลุ่งพล่านด้วยความซาบซึ้งใจ

ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายอะไรกับนาง แต่สามารถเสี่ยงตายมาช่วยชีวิตนางได้ ก็แสดงให้เห็นว่านางมีความสำคัญต่อจิตใจเขามาก

นับตั้งแต่เกิดความร้อนในวันแรกที่พบกัน นี่เป็นครั้งแรกที่แหวนก็เกิดความร้อนขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกเช่นนี้อัศจรรย์นัก ราวกับอีกขั้วหนึ่งของแหวน มีคนเชื่อมโยงกับนางอย่างแน่นแฟ้น ทำให้นางรู้สึกว่าการตกอยู่ในวังปีศาจก็ไม่อันตรายเท่าไหร่

แต่นางไม่มีกะจิตกะใจที่จะว่อกแว่ก หากคิดจะหนี ก่อนอื่นต้องกลั่นยาสะเดาะเคราะห์ออกมา

นางบอกกับหลงเฟยหลีว่าต้องการเวลาหนึ่งวัน อันที่จริงก็ไม่ต้องใช้เวลานานเช่นนั้น

นางในเวลานี้กลั่นโอสถทิพย์ขั้นหกเป็นเรื่องง่ายดายมาก ต่อให้ยาสะเดาะเคราะห์เป็นโอสถทิพย์ขั้นหกที่กลั่นยากที่สุดในแผ่นดินเทียนเหย้า แต่นางยังคงเชื่อมั่นอย่างมาก

การกลั่นโอสถทิพย์เป็นพรสวรรค์ที่นางมีมาแต่กำเนิด ราวกับชาติก่อนนางเป็นมือหนึ่งในการกลั่นโอสถทิพย์ ต่อให้เป็นโอสถทิพย์ที่ยากกว่านี้เมื่ออยู่ในมือนาง ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ในเวลาอันสั้น โอสถทิพย์ของนางก็มาถึงเสียงสุดท้าย

ทัณฑ์ยาเม็ดเล็กดึงดูดให้หลงเฟยหลีมาหา

“ใกล้จะเป็นโอสถทิพย์แล้ว !”

ใบหน้ามาอันหล่อเหลาของเขาฉายความประหลาดใจ เท่าที่เขาเห็น การกลั่นโอสถทิพย์ขั้นหกอย่างเร็วต้องใช้เวลาหนึ่งวันครึ่ง แถมคนผู้นั้นต้องขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์กลั่นโอสถขั้นเจ็ดระดับแห่งแผ่นดิน

ดังนั้นเมื่อเย่จายซิงบอกว่านางขอเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น ก้นบึ้งจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน หยอกเย้านางว่าเห็นเขาเป็นคนโง่ คิดไม่ถึงว่า ตัวเองต่างหากที่เป็นกบในกะลา

“แมวป่าน้อย เจ้าจะให้ข้าประหลาดใจอีกมากแค่ไหน?”

หลงเฟยหลีหลี่ดวงตาดอกท้ออันเย้ายวนคู่นั้น มองดูสาวน้อยที่กำลังกลั่นโอสถ ในดวงตาล้ำลึกฉายความสนใจและสอดส่อง

ติ๊ง ๆ !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา