แม่นมฉินอธิบายว่า “เขตหมอผีเดิมทีก็เป็นสถานที่ที่เหล่าหมอผีควบคุมดูแลอยู่ การจัดวางต้นไม้และก้อนหินก็เป็นค่ายกลชนิดหนึ่ง เขตหมอผีที่พวกเราทุกคนเห็นต่างก็ไม่เหมือนกัน ส่วนพระอาทิตย์ก็เช่นกัน ท่านอ๋องตอนนี้ท่านมองไม่เห็นพระอาทิตย์ แต่ว่ามีบางคนสามารถมองเห็นได้ ความร้ายกาจของค่ายกลนี้ อยู่ที่การสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของทุกคนและใช้สิ่งนี้กระทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มองเห็น ”
“เป็นไปได้อย่างไร”อ๋องเว่ยประหลาดใจ ถามอ๋องอันที่อยู่ข้างกาย “เจ้ามองเห็นหรือไม่”
อ๋องอันเงยหน้าขึ้นมองชั่วครู่ ส่ายหน้า “ไม่เห็น”
หยู่เหวินเทียนก็เงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “สามารถมองเห็นได้ซิ ก็อยู่ตรงนั้นมิใช่หรือ”เขายื่นมือชี้ อ๋องเว่ยกับอ๋องอันมองไป เห็นเพียงบริเวณที่เขาชี้ไปมีเมฆหมอกโอบล้อมอยู่ ไหนเลยจะมองเห็นดวงอาทิตย์
แม่นมฉินพูดว่า “ในเมื่อเข้ามาในเขตหมอผี สิ่งที่เห็นทั้งหมดจะไม่สามารถใช้หลักการปกติในการคาดเดา ไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้ รีบเดินทางต่อเถอะ คืนนี้ยังต้องหาที่ตั้งค่ายพักอีก”
อ๋องอันได้ยินก็รู้สึกตระหนกอยู่บ้าง มองแม่นมฉินและถามขึ้นว่า “ตั้งค่ายพัก ความหมายของเจ้าคือวันนี้ไม่สามารถออกไปจากเขตหมอผีได้อย่างนั้นหรือ ที่นี่ดูแล้วก็ไม่ได้สูงมาก วันนี้คงเดินออกไปได้กระมัง”
แม่นมฉินส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินออกไปได้ในวันนี้ ตอนนี้พวกเราเข้ามาในภูเขาประมาณหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว ยังไม่ได้เข้าสู่วงแหวนรอบนอกของเขตหมอผีเลย เขตหมอผีแบ่งเป็นวงแหวนรอบนอก วงแหวนพิภพ วงแหวนสวรรค์ เข้าสู่วงแหวนสวรรค์ จึงจะเป็นการเข้าสู่เขตหมอผีที่อันตรายที่สุด ”
แม่นมฉินเน้นเสียงที่คำว่าอันตราย ทำให้อ๋องเว่ยกับอ๋องอันรู้สึกหนักอึ้งในใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
กองทัพใหญ่เดินทางต่อไปข้างหน้า เมื่อถึงเวลาเที่ยวก็พักผ่อนชั่วครู่ กินเนื้อตากแห้งและดื่มน้ำกันเล็กน้อย แล้วก็เร่งเดินทางต่อ
ในไม่ช้า ก็เห็นก้อนหินในภูเขามีมากกว่าต้นไม้แล้ว บางครั้งก็เห็นกระต่ายโผล่ออกมา
“มีงู”ทันใดนั้น คนข้างหน้าก็ตะโกนขึ้นอย่างตกใจเสียงหนึ่ง “มีเยอะมาก แขวนอยู่บนต้นไม้”
อะซี่รีบหันไปมอง ก็เห็นว่ามีงูเขียวแขวนอยู่เต็มต้นสนเต็มไปหมด แต่ละตัวห้อยหัวลงมา พ่นลิ้นสีเขียวเพื่อขู่ฟ่อ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แม้ว่าอะซี่จะเป็นคนใจกล้า แต่เห็นภาพนี้ก็ทำเอาตกใจจนหนังหัวรู้สึกชาเช่นกัน
สวีอีรีบเข้ามาปกป้องอะซี่เอาไว้ บอกให้ถือดาบเอาไว้ในมือ มองงูเขียวที่ห้อยหัวลงมาจากบนต้นไม้อย่างระแวง แม่นมฉินรีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่าใครก็อย่างแตะต้องพวกมัน เดินหน้าต่อไป นี่แค่เริ่มต้น หลังจากนี้จะเห็นมากกว่านี้”
กล่าวถึงจิ่นหนิงกับหยวนชิงหลิงที่เดินทางกลับไปยังเป่ยถัง แต่ตอนที่เข้าไปพักยังศาลาพักม้า ได้รับจดหมายจากนกพิราบสื่อสาร
หลังจากนางอ่านแล้ว ก็รีบยื่นให้กับหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงประหลาดใจที่มีนกพิราบสื่อสารส่งจดหมาย ถามขึ้นว่า “นกพิราบมิใช่จะบินกลับที่เดิมเท่านั้นหรอกหรือ เจ้าก็อยู่ระหว่างการเดินทาง นกพิราบหาเจ้าเจอได้อย่างไร”
“นกพิราบเหล่านี้ไม่เหมือนกัน สามารถบินได้ไกลเป็นพันลี้ต่อวัน และติดตามหาเจ้าของได้ ก็เปรียบเหมือนกับว่าได้ใส่ดวงวิญญาณเอาไว้ในตัวนกพิราบ ไทเฮาเป็นผู้มอบให้ ”จิ่นหนิงพูด
หยวนชิงหลิงรู้ว่านกพิราบสามารถเดินทางไกลได้เป็นพันลี้ต่อวันไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ พวกมันสามารถอาศัยสนามแม่เหล็กของโลกในการนำร่อง ไม่มีทางหลงทิศ แต่การที่สามารถหาตัวจิ่นหนิงได้อย่างแม่นยำระหว่างทาง ยังค่อนข้างน่าแปลกใจ
นางเปิดจดหมายอ่านอยู่ชั่วครู่ นิ่งอึ้งเล็กน้อย “อะซี่บอกว่าหลังจากหมันเอ๋อกินยาแล้วอาจไม่สามารถแก้อาถรรพ์ได้ นี่คงเป็นไปไม่ได้กระมัง”
จิ่นหนิงถามขึ้น “ตอนที่ไทเฮามอบยาให้ได้กำชับอะไรหรือไม่ ”
“ไม่มี แค่ให้ยามา บอกว่ากินลงไปแล้วก็จะสามารถถอนคำสาปที่อยู่บนตัวทั้งหมดได้ แม้แต่วิชาปลูกชีวีก่อนหน้านี้ก็ถอนได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...