บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1009

แม่นมฉินอธิบายว่า “เขตหมอผีเดิมทีก็เป็นสถานที่ที่เหล่าหมอผีควบคุมดูแลอยู่ การจัดวางต้นไม้และก้อนหินก็เป็นค่ายกลชนิดหนึ่ง เขตหมอผีที่พวกเราทุกคนเห็นต่างก็ไม่เหมือนกัน ส่วนพระอาทิตย์ก็เช่นกัน ท่านอ๋องตอนนี้ท่านมองไม่เห็นพระอาทิตย์ แต่ว่ามีบางคนสามารถมองเห็นได้ ความร้ายกาจของค่ายกลนี้ อยู่ที่การสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของทุกคนและใช้สิ่งนี้กระทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มองเห็น ”

“เป็นไปได้อย่างไร”อ๋องเว่ยประหลาดใจ ถามอ๋องอันที่อยู่ข้างกาย “เจ้ามองเห็นหรือไม่”

อ๋องอันเงยหน้าขึ้นมองชั่วครู่ ส่ายหน้า “ไม่เห็น”

หยู่เหวินเทียนก็เงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “สามารถมองเห็นได้ซิ ก็อยู่ตรงนั้นมิใช่หรือ”เขายื่นมือชี้ อ๋องเว่ยกับอ๋องอันมองไป เห็นเพียงบริเวณที่เขาชี้ไปมีเมฆหมอกโอบล้อมอยู่ ไหนเลยจะมองเห็นดวงอาทิตย์

แม่นมฉินพูดว่า “ในเมื่อเข้ามาในเขตหมอผี สิ่งที่เห็นทั้งหมดจะไม่สามารถใช้หลักการปกติในการคาดเดา ไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้ รีบเดินทางต่อเถอะ คืนนี้ยังต้องหาที่ตั้งค่ายพักอีก”

อ๋องอันได้ยินก็รู้สึกตระหนกอยู่บ้าง มองแม่นมฉินและถามขึ้นว่า “ตั้งค่ายพัก ความหมายของเจ้าคือวันนี้ไม่สามารถออกไปจากเขตหมอผีได้อย่างนั้นหรือ ที่นี่ดูแล้วก็ไม่ได้สูงมาก วันนี้คงเดินออกไปได้กระมัง”

แม่นมฉินส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินออกไปได้ในวันนี้ ตอนนี้พวกเราเข้ามาในภูเขาประมาณหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว ยังไม่ได้เข้าสู่วงแหวนรอบนอกของเขตหมอผีเลย เขตหมอผีแบ่งเป็นวงแหวนรอบนอก วงแหวนพิภพ วงแหวนสวรรค์ เข้าสู่วงแหวนสวรรค์ จึงจะเป็นการเข้าสู่เขตหมอผีที่อันตรายที่สุด ”

แม่นมฉินเน้นเสียงที่คำว่าอันตราย ทำให้อ๋องเว่ยกับอ๋องอันรู้สึกหนักอึ้งในใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

กองทัพใหญ่เดินทางต่อไปข้างหน้า เมื่อถึงเวลาเที่ยวก็พักผ่อนชั่วครู่ กินเนื้อตากแห้งและดื่มน้ำกันเล็กน้อย แล้วก็เร่งเดินทางต่อ

ในไม่ช้า ก็เห็นก้อนหินในภูเขามีมากกว่าต้นไม้แล้ว บางครั้งก็เห็นกระต่ายโผล่ออกมา

“มีงู”ทันใดนั้น คนข้างหน้าก็ตะโกนขึ้นอย่างตกใจเสียงหนึ่ง “มีเยอะมาก แขวนอยู่บนต้นไม้”

อะซี่รีบหันไปมอง ก็เห็นว่ามีงูเขียวแขวนอยู่เต็มต้นสนเต็มไปหมด แต่ละตัวห้อยหัวลงมา พ่นลิ้นสีเขียวเพื่อขู่ฟ่อ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แม้ว่าอะซี่จะเป็นคนใจกล้า แต่เห็นภาพนี้ก็ทำเอาตกใจจนหนังหัวรู้สึกชาเช่นกัน

สวีอีรีบเข้ามาปกป้องอะซี่เอาไว้ บอกให้ถือดาบเอาไว้ในมือ มองงูเขียวที่ห้อยหัวลงมาจากบนต้นไม้อย่างระแวง แม่นมฉินรีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่าใครก็อย่างแตะต้องพวกมัน เดินหน้าต่อไป นี่แค่เริ่มต้น หลังจากนี้จะเห็นมากกว่านี้”

กล่าวถึงจิ่นหนิงกับหยวนชิงหลิงที่เดินทางกลับไปยังเป่ยถัง แต่ตอนที่เข้าไปพักยังศาลาพักม้า ได้รับจดหมายจากนกพิราบสื่อสาร

หลังจากนางอ่านแล้ว ก็รีบยื่นให้กับหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงประหลาดใจที่มีนกพิราบสื่อสารส่งจดหมาย ถามขึ้นว่า “นกพิราบมิใช่จะบินกลับที่เดิมเท่านั้นหรอกหรือ เจ้าก็อยู่ระหว่างการเดินทาง นกพิราบหาเจ้าเจอได้อย่างไร”

“นกพิราบเหล่านี้ไม่เหมือนกัน สามารถบินได้ไกลเป็นพันลี้ต่อวัน และติดตามหาเจ้าของได้ ก็เปรียบเหมือนกับว่าได้ใส่ดวงวิญญาณเอาไว้ในตัวนกพิราบ ไทเฮาเป็นผู้มอบให้ ”จิ่นหนิงพูด

หยวนชิงหลิงรู้ว่านกพิราบสามารถเดินทางไกลได้เป็นพันลี้ต่อวันไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ พวกมันสามารถอาศัยสนามแม่เหล็กของโลกในการนำร่อง ไม่มีทางหลงทิศ แต่การที่สามารถหาตัวจิ่นหนิงได้อย่างแม่นยำระหว่างทาง ยังค่อนข้างน่าแปลกใจ

นางเปิดจดหมายอ่านอยู่ชั่วครู่ นิ่งอึ้งเล็กน้อย “อะซี่บอกว่าหลังจากหมันเอ๋อกินยาแล้วอาจไม่สามารถแก้อาถรรพ์ได้ นี่คงเป็นไปไม่ได้กระมัง”

จิ่นหนิงถามขึ้น “ตอนที่ไทเฮามอบยาให้ได้กำชับอะไรหรือไม่ ”

“ไม่มี แค่ให้ยามา บอกว่ากินลงไปแล้วก็จะสามารถถอนคำสาปที่อยู่บนตัวทั้งหมดได้ แม้แต่วิชาปลูกชีวีก่อนหน้านี้ก็ถอนได้”

แต่หยวนชิงหลิงมีความชั่งใจของตัวเอง แม้แต่ไทเฮายังบอกว่าในภูเขาอันตรายเช่นนั้นคิดว่าคงจะอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แน่ นางมีกล่องยา สามารถช่วยรักษาได้ตลอดเวลา ตอนนี้หยุดพักอยู่ที่ศาลาพักม้าแห่งนี้ ลูกๆเกิดอะไรขึ้นก็สามารถปกป้องตัวเองได้ และยังสามารถส่งจดหมายไปให้ท่านชายสี่เหลิ่ง ให้เขาส่งคนมาคุ้มกันส่งเด็กๆกลับไปยังเมืองหลวง

“จวิ้นจู่ ข้าจำเป็นต้องไป คนที่ติดตามพวกเขาไป ไม่มีหมอ”หยวนชิงหลิงพูด

จิ่นหนิงเป็นคนเรียบง่ายสบายๆ “ในเมื่อเจ้าทนความลำบากได้ เช่นนั้นก็ไป ข้าจะไปจัดการวางแผนก่อน”

ศาลาพักม้าไม่ได้อยู่ในเขตแดนของแคว้นต้าโจว คืนนั้นจวิ้นจู่จิ่นหนิงได้ให้เข่อลี่ไปหาทหารที่ประจำการอยู่ใกล้ๆแถวนั้นส่งคนมา ปกป้องพวกเด็กๆ เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องมีความเป็นห่วงเป็นกังวล

“ดีที่จากที่นี่ไปยังหนานเจียง ก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่พวกเรารีบออกเดินทางกันทันทีเถอะ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา ”จวิ้นจู่จิ่นหนิงพูด

หยวนชิงหลิงกลับไปกล่าวลากับพวกลูกๆ ซาลาเปาพูดอย่างใจกว้างว่า “ท่านแม่ ข้ายืมหมาป่าหิมะให้ท่าน”

“ไม่ต้อง แม่พามันไปไม่ได้ ซาลาเปาต้องเชื่อฟัง ห้ามรังแกพวกน้องชาย”หยวนชิงหลิงจูบลูกๆคนละที แล้วก็อุ้มสองฝาแฝดขึ้นมา สองฝาแฝดหลับสนิทแล้ว ท่าทีราวกับว่าแม้ข้างนอกฟ้าจะถล่มลงมาก็ไม่มีทางตื่นขึ้นมา

ม้าสองตัว ออกเดินทางตั้งแต่ช่วงกลางคืน หลังจากที่หยวนชิงหลิงและจวิ้นจู่จิ่นหนิงออกเดินทางไปได้ไม่นาน ม้าสองตัวก็ไล่ตามไปในทิศทางเดียวกัน ม้าตัวแรกเป็นคนสวมชุดสีแดง ข้างหลังตามด้วยอะโฉ่ว สะบัดเส้ควบม้าอย่างเร็วตลอดทาง ห้อตะบึงในคืนมืดมิด

ที่ศาลาพักม้าหลังจากฟ้าสว่างแล้ว เข่อหลิงได้ส่งคนไปส่งจดหมายที่เมืองหลวงของเป่ยถัง

จวิ้นจู่จิ้งเหอถูกจับกับคนที่ถูกอาถรรพ์สาวหมอผีคนหนึ่ง ราวกับจะพลิกสถานการณ์ของหนานเจียงในตอนนี้ แม้แต่วันนี้ ท้องฟ้าก็อึมครึมตามไปด้วย ราวกับได้อัดอั้นฝนในฤดูหนาวเอาไว้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน