บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1023

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงพาพวกสวีอีกับอะซี่กลับเมืองหลวง ส่วนลู่หยวนกับเสี้ยวหงเฉินก็ตามอ๋องอานนำกำลังพลกลับจวนเจียงเป่ยก่อน แม้จะมีทหารไม่กี่พันนาย แต่หยู่เหวินเห้าก็ยังระวังไม่ให้อ๋องอานนำกลับเพียงคนเดียว

อ๋องอานย่อมรู้ความคิดของหยู่เหวินเห้า จึงกล่าวอย่างไม่แยแส “แค่ทหารไม่กี่พัน ข้าเคยเห็นอยู่ในสายตาด้วยหรือ?”

หยู่เหวินเห้าก็ไม่อธิบายให้มาก เอ่ย “เช่นนั้นก็ดี ขอลาตรงนี้ พี่สี่รักษาตัวด้วย”

ตลอดทางที่เฆี่ยนม้ากลับเมืองหลวง อะซี่ก็ถามสวีอีอย่างไม่เข้าใจ “ทหารพวกนั้นเป็นของอ๋องเว่ย ถึงเสี้ยวหงเฉินกับจอหงวนฝ่ายบู๊ไม่ตามไปก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง? อ๋องอานไม่ใช่แม่ทัพในกองทัพซักหน่อย สั่งการพวกเขาได้หรือ?”

สวีอีอธิบาย “คนพวกนั้นก็ต้องฟังคำสั่งอ๋องเว่ยอยู่แล้ว แต่อ๋องเว่ยไม่อยู่ ในกองทัพยังมีแม่ทัพคนอื่นๆ ถ้าอ๋องอานดึงตัวแม่ทัพสั่งการมา งั้นทหารพวกนั้นไม่ต้องทำงานให้อ๋องอานหรือ?”

เมื่อนั้นอะซี่ถึงกระจ่างใจ “องค์รัชทายาทคิดการรอบคอบจริงๆ ไม่เปิดโอกาสให้เขาซักนิด แต่รอบนี้รู้สึกเหมือนอ๋องอานจะสงบขึ้นเยอะนะ”

หลังจากออกเรือนกับสวีอี อะซี่ก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ขบคิดปัญหาก็มองการณ์ไกล “ตอนนี้ที่สงบ ก็เพราะพลพรรคแตกระแหง ที่พึ่งพิงก็ล้มแล้ว ไม่สงบแล้วจะเอาชีวิตไม้ซีกไปงักไม้ซุงหรือ? อ๋องอานถนัดใช้อุบาย รู้จักหลักการอดทน ยังไงก็ประมาทไม่ได้”

เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ยินเขาพูดดังนั้นแล้ว ก็ดึงเชือกบังเหียนหันกลับไปมองเขา ภายใต้แสงสุริยัน ใบหน้าของสวีอีมีเสน่ห์แห่งบุรุษเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไม่เหมือนชายหนุ่มมุทะลุดังแต่ก่อน เติบโตแล้วจริงๆ

แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าหยวนชิงหลิงยังไม่ดี ในใจก็ขุ่นเคือง นางทำผิดแล้วยังมีหน้ามาชักสีหน้าใส่อีกหรือ? หากนางไม่ขอโทษเขาก็จะไม่สนใจนาง

เมื่อเข้าที่พักคนเดินทางตอนเย็น หยวนชิงหลิงไม่กินอาหาร ดื่มน้ำเพียงไม่กี่อึกแล้วก็กลับเข้าห้องนอน

หยู่เหวินเห้าโมโหจนไม่กินข้าวด้วย แถมยังไม่ให้สวีอีกินข้าว ลากเขาไปซ้อมเพลงกระบี่ที่ลานกว้าง

สวีอีหิวไส้กิ่ว ซ้อมได้ประเดี๋ยวเดียวก็เอ่ยขึ้นอย่างน่าสงสาร “นายท่าน กินข้าวก่อนไม่ได้หรือ?”

“ไม่ได้ ต่อ!” กระบี่ยาวของหยู่เหวินเห้าฟันเข้ามา บีบจนสวีอีต้องถอยไปสองสามก้าวแล้ววาดกระบี่เข้าป้องไว้

“ไม่ไหว ข้าน้อยหมดแรงแล้ว” สวีอีดึงกระบี่กลับแล้วเดินไป

เมื่อนั้นหยู่เหวินเห้าจึงกล่าวอย่างชั่วร้าย “งั้นเจ้าก็ไปกินข้าว คนที่กินข้าวไม่คู่ควรอยู่บ้านหลังใหญ่”

สวีอีมองอะซี่ที่ระเบียงทางเดินอย่างคับอก ถือกระบี่กลับไป บุรุษมีครอบครัวก็น่าสงสารเยี่ยงนี้แหละ เจ้านายโหดร้ายก็ต้องทน!

อะซี่สงสารผู้ชายของตัวเองจึงโยนหมั่นโถวให้เขาไป สวีอีรับมาแล้วยัดเข้าปาก เคี้ยวกร้วมๆ กลืนลงท้อง ฟันที่หลุดไปยังมีเศษหมั่นโถวติดอยู่ ราวกับงอกฟันออกมาใหม่อย่างนั้น

พอสวีอีเห็นหยู่เหวินเห้าที่ดื้อดึงหนักก็โมโห แม้วรยุทธ์เขาจะไม่ใช่คู่ประมือขององค์รัชทายาท แต่หากเป็นเพลงกระบี่ต้องไม่แพ้ให้เขาแน่ ความเดือดดาลที่ไม่ได้กินข้าว ค้อมตัวขึ้นบุก ประชิดจนหยู่เหวินเห้าต้องถอยอยู่เนืองๆ

สวีอีระบายอารมณ์เต็มที่ ตลอดทางก็เป็นเขาทำหน้าบึ้งขมึงตึง ไม่รู้ว่าโกรธใครมา แต่กระนั้นพระชายาก็ต้องไม่ได้ทำผิดแน่ ต้องเป็นเขาที่ผิด สวีอีนึกถึงบ้านของตนพระชายาเป็นผู้จัดการให้ เรื่องแต่งงานก็เป็นนางที่จัดการให้ คืนนี้พระชายาถูกเขาทำให้โมโหจนถึงกับไม่กินข้าว คนอ่อนโยนรักสงบเช่นนี้ถูกทำให้โมโหจนไม่กินข้าว แค่คิดก็รู้ว่าชั่วช้าเพียงใด!

เมื่อสวีอีคิดเช่นนี้ก็ใช้แรงฟาดฟัน อยู่ในสนามรบไม่แบ่งแยกนายบ่าว ใช้เพียงความสามารถเท่านั้น นี่เป็นคำพูดองค์รัชทายาทเองหยู่เหวินเห้าทัดทานจนเหนื่อย โมโหโกรธา แถมสวีอียังกัดไม่ปล่อยราวกับสุนัขบ้า ด้วยความซมซานจึงโยนกระบี่ทิ้ง เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ไม่สู้แล้ว!”

หยู่เหวินเห้าสะบัดแขนเสื้อออกไป ที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดอะไร ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองไม่ใช่หรือ? แต่เมื่อได้ฟังแล้วกลับทรมานจิตใจนัก คิดแล้วก็ให้เสียใจ น่าโมโห

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน