อะซี่ไปหาหยวนชิงหลิง ส่วนสวีอีก็ไปหาหยู่เหวินเห้า
เมื่อสวีอีเห็นท่าทางหยู่เหวินเห้ายังโกรธจัดอยู่ ก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “นายท่าน ท่านโกรธอะไรกันน่ะขอรับ? ก็แค่คำพูดประโยคเดียวไม่ใช่หรือ? พวกท่านผ่านอุปสรรคด้วยกันมาเท่าไรแล้ว กับแค่คำพูดประโยคเดียวก็จะแบ่งลูกกันเนี่ยนะ?”
หยู่เหวินเห้าระบายอารมณ์ไปยกหนึ่ง และรู้สึกว่าการวิวาทกันครั้งนี้ไม่มีเหตุผล เขาถามสวีอี “เจ้าว่าข้าผิดหรือเปล่า?”
สวีอีเอ่ย “เรื่องนี้มีผิดถูกที่ไหนกันขอรับ? ก็แค่คำพูดประโยคเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ยังต้องพูดถึงถูกผิดอีก? แถมยังจะแบ่งลูก? นี่มันเกินไปแล้ว ไม่เหมือนท่านด้วย”
หยู่เหวินเห้านั่งขัดสมาธิ สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้ายังมึนงงอยู่เล็กน้อย “ข้าก็ไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าจิตใจหงุดหงิดเหลือเกิน โดยเฉพาะเวลาที่พูดถึงหงเย่...”
“งั้นท่านไม่ต้องพูดถึงก็ได้นี่ขอรับ”
หยู่เหวินเห้านิ่งงัน “ชื่อนี้ชอบผุดอยู่ในใจอยู่เรื่อย ข้าก็บอกไม่ถูกว่าทำไมเป็นอย่างนี้ แถมพอผุดขึ้นมาก็ทำให้นึกถึงคำพูดที่เขาพูดตอนอยู่ริมทะเลสาบ อย่างกับมีมารเข้าคุมจิตใจ ขนาดตอนนี้พูดถึงก็รู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวาย อารมณ์เสีย ก่อนมาเจียงเป่ย ถึงจะบอกว่านึกถึงแล้วจะรู้สึกเคืองๆ แต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้”
“หงเย่ก็ใส่กู่อะไรไม่เป็น ท่านนั่นแหละที่คิดไปเอง หรือว่าท่านคิดว่าหงเย่จะแย่งพระชายาไปได้จริงหรือ? พระชายานิสัยยังไง ท่านน่าจะรู้ดี” สวีอีเอ่ย
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว คิดไปเอง? ที่จริงเขาเชื่อเจ้าหยวนหมดใจ และไม่เชื่อว่าหงเย่จะแย่งนางได้ด้วย คำพูดนั้นแม้ฟังแล้วจะปวดใจ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็แค่หมองใจนิดหน่อยเท่านั้น เหตุใดตอนนี้ถึงทำให้เขากับเจ้าหยวนปล่อยอารมณ์กันได้ถึงเพียงนี้?
ส่วนทางอะซี่ก็ดึงหยวนชิงหลิงเข้าห้องครัว ที่พักคนเดินทางมีห้องครัวเฉพาะ อะซี่ไล่คนออกไป จากนั้นก็นวดแป้งทำซุปเส้นแบนให้หยวนชิงหลิง แล้วเกลี้ยกล่อม “พี่หยวน ท่านกับองค์รัชทายาทเกิดอะไรขึ้น? เรื่องนิดเดียวก็ทะเลาะกัน มันไม่น่าเลยนี่”
หยวนชิงหลิงกินไปสองสามคำ จิตใจว้าวุ่นมาก “ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเกิดอะไรขึ้น เอาแต่พูดถึงหงเย่ ข้าไม่เกี่ยวข้องกับหงเย่ซักหน่อย แต่เขาก็เอาแต่พูดอยู่นั่นแหละ ฟังจนอารมณ์ขึ้น”
เมื่อนั้นอะซี่จึงหัวเราะ “นี่มีอะไรให้น่าโมโหกัน? แสดงว่าเขาใส่ใจท่านมากไง อีกอย่าง ข้อเสียขององค์รัชทายาทก็มีเป็นกอง ท่านยังทนรับได้ ทำไมพูดนิดหน่อยก็ถือโทษเสียแล้วล่ะ?”
หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองนาง ตะลึงเล็กน้อย “ข้อเสียเป็นกอง? มีข้อเสียอะไรหรือ?”
หือ?
อะซี่นั่งลงนับนิ้ว “ขี้เหนียว ดุ๊ดุ ขี้โมโห ความรู้ไม่รอบ ชอบหักเงินเดือน อาศัยผลประโยชน์จากผู้อื่น...”
หยวนชิงหลิงฟังแล้วก็งุนงง รีบยื่นมือไปกดนิ้วอะซี่ไว้ “ไม่ถูกนี่ อะซี่ นี่สวีอีเป็นคนพูดแล้วมั้ง? นี่มันถือเป็นข้อเสียอะไรกัน? ขี้เหนียวนั่นสืบเชื้อมาจากบรรพบุรุษ โทษเขาไม่ได้ ดุกับขี้โมโหก็แค่กับสวีอีเท่านั้น กับคนอื่นก็เป็นมิตรดีนี่ สำหรับความรู้ไม่รอบ ถึงจะสู้บัณฑิตใหญ่ไม่ได้ แต่นโยบายปกครองแคว้นตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบันเขาก็ท่องได้คล่อง ส่วนชอบหักเงินเดือน...ทำไมหรือ? เขายังหักเงินเดือนสวีอีหรือ? ทังหยางไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือนเขาหรือ? ข้าดูบัญชีแล้ว ทุกเดือนก็ให้เขาเหมือนกัน แถมตอนนี้เขายังมีเบี้ยหวัดอีก แล้วในจวนยังมีให้เขาเพิ่มอีกนะ”
อะซี่หัวเราะร่า “ดูสิ ข้าแค่พูดถึงข้อเสียเขาหน่อยเดียว ท่านก็ตื่นตระหนกจะแย่แล้ว แล้วทำไมยังทะเลาะกันเพราะคำพูดประโยคเดียวอีกล่ะ? แต่จะว่าไปนะ เรื่องหักเงินเดือนนี่เป็นเรื่องสำคัญ ให้น่ะให้แล้ว แต่พอถึงมือสวีอีก็ไปอยู่ในมือองค์รัชทายาททันที เห็นว่าขอยืมก่อน”
หยวนชิงหลิงพูดไม่ออก “กินใช้อะไรเขาก็ไม่ขัดสน ทุกเดือนยังมีเงินย่อยใช้ เขายังจะหักเงินของสวีอีอีก?”
“สวีอีบอกว่าบางทีก็ต้องเลี้ยงข้าวเลี้ยงเหล้าคนในกรมพระนคร องค์ชายไปกินกับอ๋องฉีหลายมื้อ ทางนั้นไม่ชอบใจ คิดว่าเขาขี้เหนียว ก็เลยรวมคนมาถลุงเขาไปสองสามมื้อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...