บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1028

เมื่อหยู่เหวินเห้ากล่าวจบ ก็หยุดแพล็บหนึ่งแล้วว่าต่อ “อีกอย่าง หากเขาคิดเป็นอื่นก็จับตาดูเข้มก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อคลอดแล้วจะอยู่หรือไป ก็สุดแต่เสด็จพ่อจะตัดสินพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินดังนั้นแล้วก็อดมองเขามากอีกหน่อยไม่ได้ ปลาบปลื้มมาก เป็นฮ่องเต้ แม้อำนาจความเด็ดขาดจะสำคัญก็จริง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการให้ความสำคัญกับชีวิตคน

เขามีความเด็ดขาด มีเมตตา มีกลวิธี การคิดก็รอบคอบ หากเมื่อก่อนฝึกฝนมากกว่านี้ ตอนนี้เวลานี้คงไม่ใช่แค่นี้แล้ว เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนคิดเช่นนี้ก็นึกเสียใจนัก

ดังนั้นเขาจึงมีราชโองการ สั่งให้กู้ซือนำทหารรักษาพระองค์ไปจวนเจียงเป่ย ‘อารักขา’ พระชายาอานมาเมืองหลงด้วยตัวเอง ราชโองการระบุชัด เมื่อพระชายาอานคลอดและเด็กครบเดือนแล้วก็กลับจวนเจียงเป่ย

ส่วนลู่หยวนกับเสี้ยวหงเฉินก็ตามขบวนใหญ่ไปจวนเจียงเป่ยด้วย กู้ซือกับพวกเขาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากประกาศราชโองการแล้วก็กลับเมืองหลวงด้วยกัน เนื่องจากเดินทางช้าตลอดทาง ดังนั้นพอถึงเมืองหลวงก็ใกล้สิ้นปีแล้ว

เมื่อกู้ซืออารักขาพระชายาอานถึงจวนอ๋องอาน คนที่ปรนนิบัติในจวนก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว กรมวังโยกย้ายคนมาปรนนิบัติเอง ทั้งยังส่งหมอหลวงมาประจำที่นั่น นอกจากสาวใช้ที่อยู่ข้างกายอยู่แล้ว ที่เหลือไม่ว่าจะเป็นคนปรนนิบัติหรือองครักษ์ก็ไม่ใช่คนของอ๋องอานทั้งนั้น

หลังจากเข้าพักเรียบร้อย เสี้ยวหงเฉิน ลู่หยวนและกู้ซือก็ไปรายงานที่จวนอ๋องฉู่ พออธิบายสถานการณ์แล้ว หยู่เหวินเห้าก็ให้เสี้ยวหงเฉินอยู่ต่อ

ในห้องหนังสือจุดเทียนสองเล่ม เปลวไฟพลิ้วไหว ดวงตาเสี้ยวหงเฉินเหมือนคลายอารมณ์เศร้าหมองเพราะหลินเซียวในตอนนั้นไปแล้ว หยู่เหวินเห้าจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “มีข่าวหลินเซียวแล้ว”

เสี้ยวหงเฉินหน้าตาตื่น เงยหน้ามองเขาทันที “อยู่ที่ไหนเพคะ?”

น้ำเสียงพอถือว่าเป็นปกติ

“เขาเคยปรากฏตัวที่จวนผิงหนาน”

“จวนผิงหนาน?” เสี้ยวหงเฉินชะงัก “จะเป็นไปได้ยังไงเพคะ? อ๋องผิงหนานต้องไม่ติดต่อกับเขาแน่”

หยู่เหวินเห้าเอ่ย “อ๋องผิงหนานเขียนจดหมายถึงไท่ซ่างหวงเอง อ๋องผิงหนานไม่ยุ่งเรื่องราชสำนักมานาน ดูห่างเหินกับราชวงศ์มากเหมือนกัน ข้าก็เลยคิดว่าครั้งนี้หลินเซียวคงจงใจไปสร้างความสับสน แต่เขาคิดไม่ถึงว่าอ๋องผิงหนานจะติดต่อกับไท่ซ่างหวงตลอด เพราะงั้นพอหลินเซียวไปหาแล้ว เขาก็เขียนจดหมายถึงไท่ซ่างหวงทันที”

“ไม่ได้กุมตัวไว้หรือเพคะ?” เสี้ยวหงเฉินถาม

“เปล่า อ๋องผิงหนานส่งคนสะกดรอยตาม แต่ก็ตามไม่ทัน” หยู่เหวินเห้ากล่าว

เสี้ยวหงเฉินตะลึง “เขาทำงานให้ใครกันแน่? เขาเป็นคนในยุทธภพ ต้องไม่ขโมยแผนที่ทางการทหารใช้เองแน่ ต้องถูกคนบงการ ตอนนี้ท่านตัดหงเย่ออกจากผู้ต้องสงสัยแล้วหรือเพคะ?”

“ไม่ได้ตัดออก แต่ความเป็นไปได้ของหงเย่ไม่มาก ตอนนี้ได้แต่รอจับตัวหลินเซียวได้ถึงจะรู้” หยู่เหวินเห้ากล่าว หงเย่เองก็มีองค์กรสายสืบขนาดใหญ่เหมือนกัน หากต้องการชิงแผนที่ทางการทหารก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังของยุทธภพเป่ยถัง

อีกอย่างหากเป็นหงเย่จริง เช่นนั้นเขาก็มองแผนการเขาออกนานแล้ว ไยต้องให้หลินเซียวลงมือชิงแผนที่ทางการทหารอีก? นี่เท่ากับเปิดโปงหลินเซียว หงเย่จะไม่ใช้คนสิ้นเปลืองเช่นนั้นเด็ดขาด

แต่เมื่อพูดถึงหงเย่ เขาก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที ราวกับมีคนปลุกปั่นหัวใจเขาอย่างนั้น หลังจากเขาทะเลาะกับเจ้าหยวนเพราะเขาแล้ว ตอนนี้แม้แต่ชื่อก็ได้ยินหรือคิดถึงไม่ได้

“หากกุมตัวเขาได้ ท่านอ๋องก็จัดการไปเลยเพคะ ไม่ต้องบอกหม่อมฉัน” เสี้ยวหงเฉินพูด

หยู่เหวินเห้ามองนางแล้วก็เบาใจลง นางพูดเช่นนี้ได้ก็แสดงว่าปลงตกแล้ว

วันถัดมาหยวนชิงหลิงก็พาอะซี่ไปจวนอ๋องอาน และแจ้งข่าวกับพระชายาซุน ฮูหยินเหยา หรงเยว่และหยวนหย่งอี้ล่วงหน้า พวกนางก็จะไปด้วย

เหล่าสะใภ้ทั้งหลาย หากเพิ่มจิ้งเหออีกคนก็ถือว่าครบ ดังนั้นการสนทนาของพวกนางจึงวนเวียนอยู่กับเรื่องจิ้งเหอไม่น้อย

อย่างไรพระชายาซุนก็ยังติดใจกับเรื่องจิ้งเหออยู่ แต่พอได้ยินว่าอ๋องเว่ยแขนหักเพื่อช่วยนางแล้วก็กล่าว “ถ้าดีกันได้ก็ดีสิ จะได้ถือว่าจบไป”

ทุกคนก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ที่จริงทั้งสองก็ลำบากมาก โดยเฉพาะพระชายาอานที่เฝ้ารอการมาถึงของวันนั้น ที่พวกเขาทั้งสองต้องแยกจากกันก็เพราะเจ้าสี่ นางจึงรู้สึกผิดกับอ๋องเว่ยและจิ้งเหอมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน