บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1027

ขณะจะออกจากวัง หยวนชิงหลิงก็กำชับหนักหนา บุหรี่ห้ามสูบมาก เอาแค่พออิ่มเอมครั้งคราวเท่านั้น เหล้าก็ดื่มหมดเลยไม่ได้ ต้องค่อยๆ ลิ้มรส

ไท่ซ่างหวงเองก็กำชับเช่นกัน ว่าครั้งหน้าให้พาเด็กๆ มาด้วย ถึงจะเป็นพวกไม่รู้คุณ แต่ได้เห็นก็รู้สึกเปรมปรีดิ์ อย่างไรข้างตัวก็ต้องการคนเหล่านี้มาทำให้ครื้นเครง ไม่เช่นนี้วันเวลาจะเงียบเหงาเกินไป

บัดนี้ร่างกายไท่ซ่างหวงดีขึ้นแล้ว มีแรงมีกำลังแต่กลับอยู่ในสถานะปลดเกษียณ แม้ดูเหมือนเสพสุขกับชีวิต แต่เขาก็เป็นคนที่ผ่านลมมรสุมมาตลอดชีวิต จู่ๆ ถูกให้ขึ้นฝั่ง ได้แต่ดูคลื่นน้ำพัดระลอกจึงรู้สึกไม่ชิน

เมื่อก่อนเขาสุขภาพไม่ดีก็แล้วไป แต่ตอนนี้ค่อยๆ ดีแล้ว เขาจึงมีความคิดขึ้นอีก

แน่นอน เขาก็รู้ว่าตอนนี้บุตรชายตนก็เป็นฮ่องเต้ได้ดี หากเขาเข้าแทรก คนในราชสำนักก็จะคาดเดาไปต่างๆ นานา กลับส่งผลเสีย ทั้งไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์พ่อลูก ดังนั้นเขาจึงไม่แตะเรื่องราชสำนัก

อีกสองวันกุ้ยเฟยก็ให้คนมาบอกให้หยวนชิงหลิงเข้าวังไปพบ

หยวนชิงหลิงแปลกใจมาก แต่ไหนมานางกับกุ้ยเฟยก็ไม่มีอะไรให้คุยกัน อีกทั้งตั้งแต่ขอให้หยวนชิงหลิงขอความเห็นใจให้ตระกูลตี๋แต่หยวนชิงหลิงช่วยไม่ได้แล้ว กุ้ยเฟยก็ไม่ค่อยชอบนางนัก

ทำไมจู่ๆ ก็ให้นางเข้าวังล่ะ?

ดังนั้นนางจึงผลัดไป อ้างว่าไม่ค่อยสบาย จะไปหาวันพรุ่งนี้ รอให้เจ้าห้ากลับมาแล้วถามเขาดูก่อน ดูสิว่าระยะนี้ตระกูลตี๋เกิดเรื่องขึ้นอีกหรือไม่ นางรู้ดี ว่าหากตี๋กุ้ยเฟยไม่มีเรื่องขอให้นางช่วยก็จะไม่พบนางเด็ดขาด

ทว่าเรื่องเหล่านั้นที่ตี๋กุ้ยเฟยขอให้นางช่วย ก็ไม่ใช่เรื่องที่นางสามารถช่วยได้

รอจนพลบค่ำเจ้าห้ากลับมาและถามเรื่องตระกูลตี๋แล้ว เจ้าห้าก็กล่าว “ตอนนี้ตระกูลตี๋ยังทำเรื่องอะไรได้อีกล่ะ? ไม้ล้มผู้คนแตกระแหง แม้แต่พี่สี่ก็ไม่อยู่ในเมืองหลวง ตอนนี้ก่อเรื่องไปจะไม่เสียเปล่าหรือ? คงเป็นเรื่องอื่น? ป่วยกระมัง?”

หยวนชิงหลิงนึกขึ้นมาได้ว่าพระชายาซุนรอบรู้ข่าวสาร กับสถานการณ์ท่านหญิงในวังก็รู้ไปเสียหมด ดังนั้นจึงไปหา หากป่วยจริง นางสั่งการมาแล้วก็อย่างไรก็ต้องไปสักหน่อย

เมื่อถึงจวนอ๋องซุน หลังจากพระชายาซุนดีใจที่นางกลับมา สนทนาไปพักหนึ่งแล้วก็พูดถึงเรื่องที่ตี๋กุ้ยเฟยเรียกเข้าพบ พระชายาซุนเอ่ย “ช่วงก่อนได้ยินว่านางปวดหัวเข่า ปวดมาหลายวัน หมอหลวงจ่ายยาประคบร้อนให้แล้ว แต่ไม่ค่อยได้ผล บางทีคงอยากให้เจ้าไปรักษาให้”

“ปวดหัวเข่า? งั้นข้าจะไปดูสักหน่อย ข้ากลัวแต่เป็นเรื่องอื่นเท่านั้นแหละ” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองระวังตัวมากกว่าเดิม แต่เรื่องที่ไม่ควรยุ่งก็ไม่ต้องยุ่ง เหนื่อยแล้วยังไม่ว่าดีอีก

“จะว่ายังไงดีล่ะ? กุ้ยเฟยคงทำใจได้แล้วมั้ง ที่ตระกูลตี๋ประสบเคราะห์ครั้งนี้ นางก็เห็นอยู่กับตา หากก่อเรื่องขึ้นอีกก็ไม่รู้ว่าศีรษะจะต้องหลุดจากบ่าไปอีกกี่คน แล้วถ้าสุดท้ายแม้แต่ศีรษะลูกชายสุดที่รักของนางก็รักษาไว้ไม่ได้ จะได้ไม่คุ้มเสีย กุ้ยเฟยเป็นคนฉลาด ย่อมมองออกอยู่แล้ว” พระชายาซุนกล่าว

หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ได้ งั้นข้าจะไปซักหน่อย จริงสิ ช่วงนี้ได้พบฮูหยินเหยาไหม?”

“นางสบายดี ได้พบเป็นบางครั้ง”

“ไว้ข้าจะไปเยี่ยมนาง” หยวนชิงหลิงกล่าว

พระชายาซุนเอ่ย “พรุ่งนี้ข้าจะส่งจดหมายไปให้นาง ให้นางไปจวนเจ้า ทุกคนจะได้พูดคุยกัน และอยากถามเจ้าเรื่องจิ้งเหอด้วย”

“ได้ งั้นรอข้ากลับจากวังแล้วเราค่อยว่ากัน” หยวนชิงหลิงกล่าว

“จวนเจียงเป่ยเป็นที่แร้นแค้น ไม่มีหมอดี ข้าเคยให้คนไปสืบมา หากคลอดที่นั่นแทบต้องเอาชีวิตเข้าประตูผี จะให้เป็นอย่างนั้นได้ยังไง? สุขภาพชายาอานเจ้าก็รู้ดี เพิ่งเจ็บหนักไปครั้งหนึ่ง อันตรายกว่าผู้หญิงธรรมดามาก” ตี๋กุ้ยเฟยถึงกับใช้น้ำเสียงวิงวอน

หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็เห็นด้วย ร่างกายพระชายาอานไม่ค่อยดีมาตลอด ก่อนหน้านี้เคยส่งหมอไปแล้ว แต่หมอไม่สามารถอยู่ที่นั่นดูแลนางได้ตลอด ใครบ้างไม่มีครอบครัวเล่า?

หากกลับมาคลอดที่เมืองหลวงได้ อย่างน้อยนางยังมีหมอหลวงเฝ้าสังเกตการณ์ หากเกิดเหตุร้ายแรงก็รับมือได้ทันท่วงที เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วหยวนชิงหลิงก็กล่าว “หม่อมฉันก็ไม่กล้ารับปากท่านว่าฝ่าบาทจะเห็นด้วย แต่หม่อมฉันจะลองไปทูลขอดูก่อนนะเพคะ”

ตี๋กุ้ยเฟยดีใจมาก ตื่นเต้นจนแทบน้ำตาคลอ “หากเจ้ายอมไปต้องได้แน่ ฝ่าบาทเชื่อเจ้า”

หยวนชิงหลิงยิ้มเจื่อน ฮ่องเต้ไม่ได้เชื่อนางหรอก เพียงแต่เป็นเรื่องเฉพาะทางการคลอด และที่อยู่ในท้องพระชายาอานก็เป็นหลานของเขา ดังนั้นความเมตตาจึงมีอยู่

หลังจากหยวนชิงหลิงกล่าวลาแล้วก็ไปถวายพระพรฮ่องเต้หมิงหยวน

เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนฟังนางจบ พิจารณาไตร่ตรองแล้วก็ไม่ได้บอกว่าอนุญาต แต่ให้นางกลับไป แล้วเรียกหยู่เหวินเห้าเข้าวังแทน

ฮ่องเต้หมิงหยวนกังวลเล็กน้อย ถึงสั่งให้คนจับตาดูเจ้าสี่ตลอดเวลา แต่เจ้าสี่ชำนาญการเล่นละคร หากใช้เหตุให้พระชายาอานกลับเมืองหลวงรอคลอดแล้วกลับมาสร้างเรื่องขึ้นอีก จะกลับส่งผลเสีย ดังนั้นเขาจึงถามความเห็นของเจ้าห้าก่อน

ทว่าหยู่เหวินเห้ากลับไม่ได้คิดมาก เอ่ย “หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ช่วยไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ จวนเจียงเป่ยลำบากจริงๆ ร่างกายพี่สะใภ้สี่ก็ไม่ดี ค่อนข้างอันตราย หม่อมฉันก็เคยถามเจ้าหยวนเหมือนกัน หากถึงตอนนั้นเกิดเหตุขึ้น ก็จะหนึ่งศพสองชีวิต เราจะสละพวกเขาสองแม่ลูกเพราะภัยแอบแฝงไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน