ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เห็นทังหยางจูงมือผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากห้องครัวมาอย่างช้า ๆ ผู้หญิงคนนี้อายุประมาณสามสิบปี สิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างยิ่ง ก็คือชุดหลากสีที่มีทั้งสีเหลือง แดง น้ำเงิน ม่วง... ที่สวมอยู่บนร่าง มันทำให้ดูเหมือนว่านางเอาสายรุ้งมาสวมไว้บนร่างกายอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าดูไร้รสนิยมอะไรนัก
ผมเงางามหวีเรียบเกล้าเป็นมวย เสียบปิ่นปักผมหยกสีม่วง ใบหน้าผอมบาง ไม่ได้นับว่าสวยมาก แต่มีท่วงท่าอารมณ์ที่ดียิ่ง ลงแป้งแต่งหน้าบาง ๆ บนใบหน้าแฝงรอยยิ้มเปี่ยมสุขน้อย ๆ สายตาหลุบลงต่ำ เดินจูงมือทังหยางออกมาด้วยกริยาเรียบร้อยสงบเสงี่ยม
สวีอีพูดหยอกเย้าว่า "โย่ว คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าทังกับฮูหยินจะรักกันหวานชื่นถึงขนาดนี้ จูงมือกันเดินเลยเชียวนะ"
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปผลักสวีอีไปหนึ่งฝ่ามือ นางมองออกแล้วว่าดวงตาของฮูหยินทังไม่มีจุดรวมสายตาเลย ดวงตาของนางมองไม่เห็นแล้ว
เป็นอย่างที่คิด ใต้เท้าทังยกยิ้มเล็กน้อย “ถูกต้อง ดวงตาของภรรยากระหม่อมไม่ค่อยสะดวกออกไปไหนมาไหนมากนัก”
เขาจูงนางเดินขึ้นไปข้างหน้า กระซิบเสียงแผ่วเบาว่า: "ตรงหน้าเจ้าคือรัชทายาทกับพระชายารัชทายาท ที่นั่งถัดจากเจ้าไปคือสวีอีกับฮูหยินสวี ชื่อว่าอะซี่ คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นคนที่ข้ามักเล่าให้เจ้าฟังจนน่าจะคุ้นเคยกันดีแล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ"
ฮูหยินทังยิ้มแล้วค้อมกายคำนับ “ข้าน้อยคารวะรัชทายาท คารวะพระชายารัชทายาท ยินดีที่ได้พบแม่ทัพสวี ฮูหยินสวี!”
หยวนชิงหลิงยิ้มพลางพูดว่า “ฮูหยินเกรงใจแล้ว รีบนั่งลงเถอะ!”
สวีอีกับอาซี่หันมามองหน้าประสานสายตากันแวบหนึ่ง ทั้งคู่ต่างตกใจเล็กน้อย ฮูหยินของใต้เท้าทังตาบอดรึ? แล้วทำไมถึงไม่พามาหาพระชายารัชทายาท ให้ช่วยตรวจดูให้สักหน่อยล่ะ?
ทังหยางช่วยพยุงฮูหยินให้นั่งลง ฮูหยินทังหันหน้าไปทางหยวนชิงหลิงอย่างแม่นยำ พูดด้วยความซาบซึ้งใจว่า: “รัชทายาท พระชายารัชทายาท เรือนหลังนี้ช่างล้ำค่าเหลือเกินแล้ว ข้าน้อย…ข้าน้อยคงไม่อาจทดแทนความเมตตากรุณาของพระชายารัชทายาทได้เป็นแน่"
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า: "ฮูหยินพูดเช่นนี้เท่ากับเห็นข้าเป็นคนอื่นแล้ว หลายปีมานี้ ธุระทั้งภายนอกภายใน ต้องขอบคุณใต้เท้าทังที่เป็นคนจัดการให้มาโดยตลอด"
ฮูหยินทังยกยิ้มน้อย ๆ จะเห็นได้ว่านางชอบฟังคนอื่นพูดจาสรรเสริญชื่นชมทังหยางจริง ๆ
ส่วนทังหยางก็แลดูเป็นห่วงใส่ใจภรรยาดีมาก มักจะถามนางว่าเหนื่อยหรือไม่ หิวหรือไม่
ตอนที่กินข้าวในงานขึ้นบ้านใหม่ ทังหยางก็ดูใส่ใจและรอบคอบมากเช่นกัน เขาจะคอยคีบอาหารทั้งหมดใส่ลงในชามของภรรยา ปลาจะถูกแกะก้างออกให้เรียบร้อย หากว่านางชอบกินอันไหน เขาก็จะคีบให้หลายครั้งหน่อย คอยสังเกตดูนางอยู่เรื่อย ๆ เพื่อแยกแยะว่านางชอบอาหารชนิดไหน ถึงแม้ว่าอาหารเหล่านี้ จะทำโดยแม่ครัวที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเขาก็ตาม
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็โอภาปราศรัยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เตรียมตัวกลับ ทังหยางก็ลุกขึ้นไปส่งแขก รวมทั้งสั่งให้คนรับใช้ที่จวนมาช่วยขนย้ายโต๊ะเก้าอี้กลับไปด้วย
เขาเดินตามกลุ่มคนที่ขนย้ายของไปด้วย หยวนชิงหลิงจึงเรียกเขามาที่ห้องหนังสือ แล้วถามว่า "ดวงตาของฮูหยินเป็นอะไรไปหรือ?"
“โรคตาพ่ะย่ะค่ะ เมื่ออายุได้ราว ๆ เจ็ดขวบก็เริ่มมองไม่เห็นแล้ว ไปหาหมอมาไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถรักษาได้” ทังหยางตอบ
“เกิดจากสาเหตุอะไรพอจะรู้หรือไม่?” หยวนชิงหลิงถาม
“ เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก จุดประทัดแล้วเกิดได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา หลังจากนั้นก็มองไม่เห็นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
"เคยบาดเจ็บนี่เอง" หยวนชิงหลิงไม่ใช่จักษุแพทย์ แต่ก็พอจะตรวจสอบอาการให้นางสักหน่อยได้อยู่ เพื่อจะลองดูว่าพอจะมีทางรักษาได้บ้างหรือไม่ "จะถือสาหรือไม่ หากวันพรุ่งนี้ข้าจะไปตรวจอาการให้นางสักหน่อย?"
ทังหยางพูดว่า “เดิมทีตอนที่ท่านรักษาดวงตาให้หกเกอเอ๋อ ข้าก็เคยคิดว่าจะพานางมาหาท่านเหมือนกัน แต่นางบอกว่านางชินแล้ว ไม่จำเป็นอีกต่อไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเราได้ไปหาหมอมามากมาย ในใจนางไม่หลงเหลือความหวังอะไรอีกแล้ว และไม่ยินดีที่จะตั้งความหวังขึ้นมาใหม่อีกแล้วเช่นกัน”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าแสดงความเข้าใจ อันที่จริงถ้านางบาดเจ็บจนมองไม่เห็นตั้งแต่ยังเด็ก แล้วเพิ่งมาตรวจดูการให้ตอนนี้มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะกลับมามองเห็น สถานการณ์ของนางแตกต่างจากหกเกอเอ๋อ เพราะเขาถูกพบทันทีในชั่วขณะที่ได้รับบาดเจ็บ
“พวกเจ้าแต่งงานกันมากี่ปีแล้วล่ะ? ไม่คิดจะมีลูกด้วยกันสักคนรึ?” หยวนชิงหลิงถาม
ทังหยางพูดเบา ๆ ว่า : “เราแต่งงานกันได้ไม่กี่ปีมานี้เอง แต่พวกเราเติบโตมาด้วยกัน ดวงตาของนางได้รับบาดเจ็บเพราะประทัดที่ข้าจุด หลังจากที่นางได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา ครอบครัวของนางก็ย้ายออกไป เมื่อไม่กี่ปีก่อนข้าไปธุระที่จวนหวยหนาน ถึงได้พบนางเข้า จนได้รู้เกี่ยวกับเคราะห์ร้ายครั้งนั้น อีกทั้งนางก็ยังไม่ได้แต่งงาน ข้าจึงไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยา"
เขาพูดแบบหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ แต่ในแววตาลึก ๆ กลับมีความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้แฝงอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...