สองคนสามีภรรยาได้ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่มีลูกแฝดหญิงอะไรอีกทั้งนั้นแล้ว
แค่สองท้อง ได้ลูกมาห้าคน เท่านี้ชีวิตพวกเขาก็วุ่นวายโกลาหลไม่ว่างเว้นแต่ละวันแล้ว ถ้ายังมีลูกสาวตัวน้อย ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก คงเหนื่อยจนแทบบ้าแน่ ดังนั้นมาตรการความปลอดภัยจึงต้องมีเตรียมไว้ให้เพียงพอ
แม้ว่าเจ้าห้าจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ลูกสาว แต่จริง ๆ แล้วก็เขาไม่เต็มใจที่จะมีลูกเพิ่มอีกแล้ว ทั้งสองคนคุยกันเรียบร้อยแล้วว่า ถ้าพวกเขาต้องการผู้หญิงจริง ๆ ให้รอจนกว่าแฝดสองจะโตกว่านี้หน่อย แล้วจึงค่อยเอามาเลี้ยงอีกสักคน เจ้าห้าไม่ได้กลัวว่ามีลูกเยอะแล้วจะเอะอะวุ่นวาย แต่กลัวว่าเจ้าหยวนจะเป็นอันตรายถ้าต้องคลอดลูกมาก ๆ แบบนั้น
เขาไม่อยากแบกรับความเสี่ยงอะไรแบบนั้น ลูกสาวเขาก็อยากได้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือภรรยาที่เป็นคนที่สำคัญที่สุด
ในวันรุ่งขึ้น หยู่เหวินเห้ากลับไปที่กรมการพระนคร เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยก็มาหาเขา บอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดกับเขา
หยู่เหวินเห้าคิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องของฮู่เฟย จึงเชิญไปที่เรือนรับรองด้านข้าง หลังจากนั่งลงแล้วพูดคุยกัน จึงได้ผลสรุปว่าเป็นเพราะสิ่งที่เจ้าสิบพูดจริง ๆ
หยู่เหวินเห้าพูดว่า "เจ้าสิบเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? เขาพูดแค่ประโยคเดียว ทำไมทุกคนถึงได้เอามาคิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้? เจ้าพระยาเจิ้งเป่ย เจ้านี่ก็จริง ๆ เลยนะ ใคร ๆ เขาก็ไม่พูดกันแล้วแท้ ๆ เจ้าก็ยังจะยึดมั่นถือมั่นอยู่ได้ นี่มันจะไม่น่าเบื่อไปหน่อยรึ? "
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยอึกอักลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่ขาวซีดเผือดสีว่า: "ไม่ใช่ ประโยคนั้นข้าเป็นคนสอนเขาเอง"
หยู่เหวินเห้าตกใจจนผงะ “อะไรนะ? เจ้าสอนรึ?”
“ไม่ใช่สอน!” สีหน้าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “ข้าก็แค่พูดแบบสนุกปากเฉย ๆ ใครจะไปรู้ว่าเด็กคนนี้จะจำได้ ทั้งยังไปพูดในงานเลี้ยงวันนั้นอีก ตอนที่ข้าได้ยินเรื่องนี้เข้า ก็ตกใจแทบตายแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองเขาแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า: "เอาเถอะ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เจ้าก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าใครก็พอ"
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยสีหน้าโศกเศร้าจนเหมือนจะร้องไห้ "มีคนรู้ พวกเขาไปทูลรายงานต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว คนในวังส่งข้อความมาถึงข้า บอกให้ข้าเข้าวังในวันพรุ่งนี้"
“ใครไปรายงานต่อหน้าฝ่าบาท? เจ้าไปพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าใครกัน ? ทำไมเจ้าถึงได้เลอะเลือนเช่นนี้?”
หยู่เหวินเห้าถูกเขาทำให้โกรธแทบตายแล้วจริง ๆ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไม่ได้มีความคิดอะไรเช่นนั้นหรอก แต่ปากของเขาไม่เคยมีหูรูดมาแต่ไหนแต่ไร อยากพูดอะไรก็พูดแบบไม่เคยสนใจผลที่จะตามมา ก่อนหน้านี้ก็เคยพูดอะไรที่ก่อให้เกิดเรื่องร้ายใหญ่โตมาแล้ว นิสัยแบบนี้ของเขาจะฆ่าเขาในสักวันหนึ่งเข้าจริง ๆ
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยถอนหายใจเฮือก "ในวันนั้นข้าเข้าวังไปเยี่ยมพระสนม องค์ชายสิบขอให้ข้าไปเล่นกับเขาในสวน เล่นกันไปเล่นกันมา เรื่องมันก็เริ่มตรงนี้ล่ะ เขาบอกว่าเขาจะเป็นแม่ทัพเหมือนข้า ข้าก็พูดชมเขาไปว่าเขาฉลาดมาก ในอนาคตไม่ต้องพูดว่าเป็นแค่แม่ทัพหรอก ต่อให้เป็นฮ่องเต้เขาก็สามารถเป็นได้ เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นแค่เรื่องพูดกันเล่น ๆ พูดแล้วก็แล้วไปไม่ได้คิดอะไรจริงจัง "
“ตอนนั้นมีใครได้ยินบ้าง?”
“เป็นพวกข้ารับใช้ในวัง มีอยู่ที่นั่นกันหลายคน ข้าไม่ค่อยได้สนใจมากนัก รู้แค่ว่ามีคนที่เล่นด้วยอยู่หลายคน แต่ละคนอยู่ห่างออกไปราวสามถึงสี่จั้ง ใครจะรู้ว่าจะโดนได้ยินเข้าจนได้ล่ะ?"
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยพูดพลางถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด “เมื่อก่อนข้าเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกยกตนข่มท่าน ต่อมาภายหลังก็รู้จักเรียนรู้ความผิดของตัวเอง อุตสาห์รู้จักสงบปากสงบคำมาได้ตั้งนาน ใครจะรู้ว่าปากจะพูดจาพาจนเข้าอีกครั้งแล้ว รัชทายาท ท่านต้อง เชื่อข้านะ ข้าไม่ได้หมายความไปทางร้ายอะไรอย่างนั้นเลย มันเป็นแค่คำพูดพล่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...