ในวันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงมีราชโองการเรียกตัวเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเข้าวัง เป็นไปตามที่หยู่เหวินเห้าพูดไว้ มันเป็นเพียงการกล่าวตักเตือนแค่สองสามคำ ไม่ได้มีการลงโทษอะไรเขา เพราะจะอย่างไรก็ต้องไว้หน้าของพ่อตาคนนี้เอาไว้บ้าง
ตอนที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยออกจากวัง มีท่าทางหน้าม่อยคอตก ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกว่าเมืองหลวงอยู่ยากขึ้นไปทุกที ๆ จึงไปหาหยู่เหวินเห้า เพราะหวังว่าเขาจะสามารถย้ายกลับไปที่กองทัพได้
หยู่เหวินเห้ากำลังคิดอยากจะฝึกกำลังคนอยู่พอดี จึงทูลขอพระราชโองการให้เขาล่วงหน้าไปที่จวนเจียงเป่ยก่อน เพื่อรับช่วงต่อกองทัพของเจ้าสาม อ๋องเว่ย เป็นการชั่วคราว
การที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยออกจากเมืองหลวงไปจวนเจียงเป่ย ทำให้หยู่เหวินเห้าค่อนข้างสบายใจขึ้นบ้าง สถานที่ที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไปอยู่ จะเป็นปราการขวางกั้นให้เขาในการปกป้องแนวพรมแดนระหว่างจวนเจียงเป่ยกับเป่ยโม่
ส่วนทางเจ้าสาม รอให้เขากลับมาจากอาการบาดเจ็บก่อน หยู่เหวินเห้าค่อยเตรียมการอื่นต่อไป
ในเวลานี้เอง เหลิ่งจิ้งเหยียนก็เข้ามาแจ้งว่าฮ่องเต้ทรงได้รับรายงานลับ ว่าที่จวนอ๋องผิงหนานมีคนเซียนเปยเข้าออกจำนวนหนึ่ง แล้วเขาก็ยังคัดเลือกคนเซียนเปยหลายคนเข้ามาเป็นองครักษ์ภายในจวนด้วย
อ๋องผิงหนานเป็นพระราชนัดดาองค์ใหญ่ของฮ่องเต้เซี่ยน หลังจากที่ฮ่องเต้ฮุยจงเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นพระราชนัดดาองค์ใหญ่เซิ่งหลังจากที่ไท่ซ่างหวงเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องผิงหนาน ได้รับศักดินาที่ดินในผิงหนาน แล้วขึ้นเป็นผู้ปกครองที่ดินหลายปีที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยสนใจก้าวก่ายเรื่องของราชสำนักมาก่อน
อ๋องผิงหนานอายุหกสิบกว่าแล้ว ยังไม่เคยแต่งงาน มีลูกชายบุญธรรมเพียงคนเดียวที่รับเลี้ยงไว้ในปกครอง ไม่ค่อยกลับมาเมืองหลวงนัก เรื่องที่ว่าเขามีความสัมพันธ์กับเซียนเปย หยู่เหวินเห้าไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ต่อให้มีการไปมาหาสู่กันจริง ๆ ก็คงจะไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไร
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่ามีคนคิดจะใช้อ๋องผิงหนานมาเป็นข้ออ้างบังหน้า เพราะอ๋องผิงหนาน หยู่เหวินจี๋มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอ๋องชินเฟิงอันและภรรยา อ๋องชินเฟิงอันเป็นแม่ทัพใหญ่ในราชวงศ์ของฮ่องเต้เซี่ยน ทั้งยังเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นหวงไท่จื่อสุดท้ายก็ออกจากราชสำนักไป แต่กลับไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง ภายนอกต่างคาดเดากันไปว่าเขาไม่สามารถเอาชนะไท่ซ่างหวงได้ จึงโกรธจนไปจากราชสำนัก เพราะว่าในใจจริง ๆ เขาเองก็มีความทะเยอทะยาน อยากขึ้นครองบัลลังก์เช่นกัน
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีใครรู้ความจริง แต่เขากลับต้องถูกลากเข้าไปมีส่วนพัวพันครั้งแล้วครั้งเล่า จะเห็นได้ว่าศัตรูที่มองไม่เห็นซึ่งแอบซ่อนอยู่เบื้องหลังคนนี้ กำลังพยายามกวนให้น้ำขุ่นเลอะเทอะจนเป็นโคลน แล้วคอยฉกฉวยผลประโยชน์ในช่วงชุลมุน
ในสถานที่สักแห่งที่มองไม่เห็น หมากตาใหญ่ตานี้ยังคงดำเนินต่อไป
หยู่เหวินเห้าเริ่มเตรียมทำความรู้จักเหล่าสมาชิกหลัก ที่จะทำงานให้กับรัชทายาท นำโดยราชครูเหว่ยเป็นตัวตั้งตัวตี เรียกบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพส่วนหนึ่งมาร่วมด้วย
ในเวลานี้ หยู่เหวินเห้าอยู่ในสถานะที่แค่เอ่ยปากคำเดียว ก็จะมีคนนับร้อยคอยรับคำสั่ง ไม่ว่าใครต่างก็เต็มใจที่จะทำงานภายใต้คำสั่งของเขาทั้งนั้น อันที่จริงแผนการนี้ได้ถูกวางเอาไว้อย่างลับ ๆ มาเป็นเวลานานมากแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้เมื่อเงื่อนไขต่าง ๆ สุกงอมเรื่องต่าง ๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จ
ก่อนที่จะจัดการปัญหาทั้งหมด เรื่องที่หนานเจียงตอนนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษ
ซึ่งนี่มีสาเหตุจากหงเย่ที่เริ่มเคลื่อนไหวแล้วนั่นเอง
ที่หงเย่ยอมทิ้งทางเจียงเป่ย ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนใจกว้าง แต่เขาต้องค้นพบว่าเจียงเป่ยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาล ทั้งยังมีความทะเยอทะยานเจ้าแผนการ เขาไม่อยากเข้าไปร่วมในนั้นจึงถอยกลับมา จากนั้นสั่งให้คนของตัวเองในเป่ยถังเคลื่อนไหวภายในภูเขา เพื่อตัดสินชี้ขาดกับเจียงเป่ยอย่างเป็นทางการ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่หยู่เหวินเห้าไม่เข้าใจ นั่นคือการที่หงเย่อยู่ที่เจียงเป่ย เขาแทบไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย เช่นนั้นหลังจากที่เขารบแพ้ที่แคว้นซู่ แล้วถอยกลับไปที่เจียงเป่ย เจตนาที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันแน่?
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพื่อการยึดครองเจียงเป่ย แล้วก็ไม่ใช่เพื่อจัดการกับเป่ยถัง
ในหมากกระดานใหญ่กระดานนี้ แม้ว่าคนที่คอยเป็นมือผลักที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังจะยังไม่ปรากฏตัว แต่หยู่เหวินเห้าได้ค้นพบรูปแบบนั้นแล้ว คือจะใช้หนานเจียงเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เปรียบก่อน เป็นก้าวแรกเพื่อฉีกทึ้งทำลายให้เกิดความขัดแย้งภายในราชวงศ์เป่ยถัง
นี่ไม่ใช่พลังอำนาจภายใน แต่เป็นไปได้มาก ว่าจะเป็นพลังจากภายนอกราชวงศ์เป่ยถัง
เมื่อมองดูสิ่งต่างๆ ในวันนี้ ศัตรูเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงมองเป่ยถังเป็นศัตรูไม่เคยเปลี่ยน ก็มีแค่เป่ยโม่เท่านั้นแล้ว
ในตอนแรกเป่ยโม่ได้ร่วมมือกับเซียนเปย แค่เพราะถูกหงเย่หลอกปั่นหัวให้หลงกลไปทีเดียว ก็ยอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ แบบนี้เลยน่ะรึ? สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับลักษณะนิสัยของคนเป่ยโม่เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่สอดคล้องกับลักษณะนิสัยของคนตระกูลฉินด้วย เพราะ แต่ไหนแต่ไรมาตระกูลฉินเป็นพวกแพ้ไม่เป็น รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องแพ้ก็ไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ
แต่เป่ยโม่ก็มีความคล้ายคลึงกัน ไม่เก่งเรื่องการสมคบคิด แต่หมอผีจอมอาคมทั้งหลายในเจียงเป่ยนั้นเก่งเรื่องการสมรู้ร่วมคิดและการวางกลอุบายมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ตัดเรื่องที่ว่าเป่ยโม่กับหมอผีของเจียงเป่ยอาจสมรู้ร่วมคิดกัน เพื่อล้มล้างระบอบการปกครองของเป่ยถัง
หยู่เหวินเห้าคิดจะจัดตั้งคณะทำงานของรัชทายาท เรื่องนี้ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงชื่นชมอย่างมาก มันควรจะเป็นเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...