บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1037

สรุปบท บทที่ 1037 อะโฉ่ว: บัลลังก์หมอยาเซียน

สรุปเนื้อหา บทที่ 1037 อะโฉ่ว – บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่

บท บทที่ 1037 อะโฉ่ว ของ บัลลังก์หมอยาเซียน ในหมวดนิยายนิยาย จีน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หยวนชิงหลิงไม่ได้หยุดเขา เพราะเข้าใจเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของหงเย่ นางเชื่อว่าหงเย่ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้นกับนาง มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเพราะนางดูเหมือนแม่ของเขาอยู่นิดหน่อยก็เท่านั้น

ดังที่ฟางหวูพูดไว้ ตลอดชีวิตนี้ของเขา เขาเพียรเยียวยารักษาช่วงวัยเด็กมาโดยตลอด

หงเย่พาพวกเขาขึ้นไปบนภูเขา ความใส่ใจนี้ควรจดจำไว้เสียหน่อยจริง ๆ

ระหว่างกินข้าว หงเย่ไม่ได้พูดอะไร แค่กินอย่างเงียบ ๆ ทั้งยังไม่ได้คีบอาหารให้หยวนชิงหลิงด้วย ซึ่งทำให้อะซี่รู้สึกพอใจมาก เพราะนางกลัวว่าเขาจะทำพฤติกรรมที่มากเกินไป จึงเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดชนิดไม่ให้คลาดสายตา

ซาลาเปาแสดงท่าทีชัดเจนว่ารู้สึกเบื่อ เพราะการเดินทางครั้งนี้มีแค่ตัวเองคนเดียว ไม่มีน้องชายมาด้วย ที่ผ่านมาเขามักจะรำคาญเสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวของพวกน้องชายเสมอ แต่เมื่อเขาไม่ได้อยู่กับพวกน้องชาย เขากลับรู้สึกไม่คุ้นเคยขึ้นมาเสียได้

“ท่านแม่ ข้ากินเสร็จแล้วขอรับ!” เขาวางตะเกียบแล้วพูดขึ้น

“ถ้นอย่างนั้นลูกก็พาเจ้าหมาป่าออกไปเดินเล่นเถอะ อย่าไปไกลนักล่ะ ” หยวนชิงหลิงพูด

ซาลาเปากระโดดแผล็วอย่างมีความสุข "ท่านลุงค่อย ๆ กินนะ ท่านอาอะซี่ค่อย ๆ กินนะ!" พูดจบ เขาก็พาหมาป่าหิมะวิ่งออกไปทันที

หงเย่ยิ้มพลางมองดูซาลาเปา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าสอนลูกได้ดีมากเลยนะ”

“ความสุภาพระดับพื้นฐานน่ะ!” หยวนชิงหลิงจิบน้ำแกง แล้วเงยหน้าขึ้นมองชามข้าวของหงเย่ เขากินไปบ้างแล้ว แต่เกือบทั้งมื้อเขาแทบไม่กินกับข้าวอะไรเลย “อาหารไม่ถูกปากรึ?”

หงเย่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ กินไปหลายคำแล้ว”

“ เจ้ากินให้เยอะกว่านี้หน่อยก็ได้ ยังมีอีกตั้งเยอะเลยนะ ” หยวนชิงหลิงมองดูอาหารที่เขาสั่ง อันที่จริงมันอร่อยมากทีเดียว นางเองก็กินไปเยอะมาก อะซี่ก็ชอบกินเหมือนกัน มีแค่เขาที่ไม่ได้กินมากมายเท่าไหร่นัก ยังเหลืออยู่อีกเป็นครึ่งเลยทีเดียว

"เจ้ากินเยอะกว่านี้หน่อยดีกว่า" หงเย่มองนาง "ข้าเห็นว่าเจ้าชอบกิน เลยให้เจ้ากินเยอะหน่อย"

หยวนชิงหลองหลุดหัวเราะ “ต่อให้ข้าชอบกินกว่านี้อีกสักแค่ไหน ข้าก็กินเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอก ข้ากินอิ่มแล้วล่ะ”

คราวนี้หงเย่ถึงค่อยหยิบตะเกียบขึ้นมาช้า ๆ "ถ้าเจ้าอิ่มแล้ว เช่นนั้นข้าจะกินให้มากกว่านี้อีกหน่อยแล้วกัน"

สิ่งนี้ทำให้หยวนชิงหลิงสับสนมึนงงไปหมดแล้วจริง ๆ ทำเหมือนกับว่านางใจร้ายใจดำไม่ยอมให้เขากินข้าวอย่างนั้นแหล่ะ แถมยังเหมือนเรียกให้เขากินของเหลืออีก เขากินต่อไปเรื่อย ๆ แต่กินช้ามาก แต่จริง ๆ แล้วการกินแบบตะกละตะกลามนักก็ไม่ดี เขาเพิ่มความเร็วนิดหน่อยด้วยการคีบอาหารที่อยากกินมาใส่ไว้ในชามตัวเอง จากนั้นก็ค่อย ๆ กินอย่างเชื่องช้า

รอจนเขากินเสร็จ ก็เดินทางกันต่อ รอจนถึงช่วงพลบค่ำก็แวะพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

ตลอดการเดินทาง เขาปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณอันดีมาโดยตลอด ทำให้อะซี่คลายความระแวดระวังต่อเขาไปได้บ้าง แต่ในทางกลับกัน ผู้หญิงที่ชื่ออะโฉ่วซึ่งมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาเกลียดชังอยู่ตลอดเวลาคนนั้น กลับทำให้อะซี่เกิดความรู้สึกระแวงนางขึ้นมามากกว่า

ก่อนหยุดพักในตอนค่ำ อะซี่มาพูดกับหยวนชิงหลิงว่า "ผู้หญิงที่ชื่ออะโฉ่วนั่น พวกเราต้องคอยระวังนางให้ดีนะ ดูเหมือนนางจะเกลียดท่านมากเลยทีเดียว"

“ อะโฉ่ว? ” หยวนชิงหลิงไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับนางมากนัก เพราะใบหน้าของอะโฉ่วทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัว จึงไม่สามารถมองตรง ๆ ได้ อันที่จริง ใบหน้าของอะโฉ่วก็คล้ายกับแม่นมฉิน คือส่วนที่เป็นจุดด่างดำและความอัปลักษณ์บนใบหน้าเหล่านั้น อาจเป็นเพราะการร่ายอาคมกู่เพื่อการปลอมตัว เดิมทีอาจไม่ได้เป็นเช่นนี้ เพียงแต่อะโฉ่วจะดูน่ากลัวกว่าแม่นมฉินอยู่มากเพราะแม่นมฉินจะดูน่าเกลียดเฉย ๆ ส่วนอะโฉ่วนั้นจะดูน่าเกลียดทั้งยังแฝงความชั่วร้ายไปด้วยพร้อม ๆ กัน

“ใช่ ต้องระวังตัวไว้ให้มาก ข้าเองก็จะคอยจับตามองนางด้วยเช่นกัน” อะซี่สำทับ

“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปพักเถอะ พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าแล้วไปที่ทะเลสาบจิ้งให้เร็วหน่อย” หยวนชิงหลิงพูด

อะซี่พยักหน้า "ตกลง ข้าจะไปเรียกซาลาเปากลับมาก่อน"

หลังจากนั้นไม่นาน ซาลาเปาก็อุ้มหมาป่าหิมะกลับมาในสภาพที่เลอะโคลนไปทั้งตัว หยวนชิงหลิงตำหนิเขาไปสองสามคำ แล้วยังต้องลงไปเรียกเสี่ยวเอ้อให้ยกน้ำร้อนมาให้เขาล้างเนื้อล้างตัว

ขณะที่นางเพิ่งจะเดินลงบันได ก็ถูกแรงหนึ่งดึงตัวเข้าไป หยวนชิงหลิงตกใจจนผงะ ชั่วขณะที่กำลังจะส่งเสียงร้อง นางกลับถูกปิดปากเอาไว้อย่างรวดเร็ว

มีคนบีบตัวนางจากข้างหลัง และคนคนนี้ เป็นคนที่นางรู้จัก

“หยวนชิงหลิง ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ อย่าได้คิดจะล่อลวงท่านชายเป็นอันขาด!”

เป็นเสียงของอะโฉ่วอย่างที่คิดจริงๆ

อะซี่พูดอย่างเย็นชาว่า: “ท่านชายหงเย่ เจ้ามาได้ก็ดีแล้ว สาวใช้ของเจ้าคิดจะฆ่าพี่หยวน เจ้าต้องมีคำอธิบายดี ๆ ให้พวกข้าหน่อยล่ะ”

ดวงตาของหงเย่พลันผุดรังสีสังหารวาบ จ้องอะโฉ่วเขม็ง "ที่นางพูดมาเป็นความจริงหรือไม่?"

อะโฉ่วปรายตามองอะซี่อย่างเย็นชา "นางพูดจาเหลวไหล ข้าแค่พูดกับนางไปไม่กี่คำ"

“พูดไม่กี่คำก็บีบคอพี่หยวน? ทั้งยังเตะขาของนางด้วย ? นางไม่รู้วรยุทธ์ เจ้าเตะนางเข้าไปขนาดนั้น คิดจะหักขาของนางอย่างนั้นสินะ?” อะซี่โกรธจนควันออกหู

หงเย่หันกลับไปมองหยวนชิงหลิง ในแววตาเก็บซ่อนหมอกควันอันขุ่นเคืองเอาไว้มิดชิด "เป็นอะไรมากหรือไม่?"

หยวนชิงหลิงจับราวบันไดพยุงตัว ก้าวขาไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง พลันรู้สึกเจ็บแปลบที่น่อง นางโบก ๆ มือ "น่ากลัวว่ากระดูกคงได้รับบาดเจ็บแล้ว"

"แกล้งสำออยอะไรไม่ทราบ? ข้าแค่เตะเจ้าไปทีเดียว" อะโฉ่วแผดเสียงดังลั่น ในดวงตาฉายแววเกลียดชังสุดขีด

หงเย่เงื้อมือขึ้นตบหน้านางไปอีกฉาด ดวงตาฉายแววเย็นชา "ไสหัวไปให้พ้น!"

ในใจอะโฉ่วไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างถึงที่สุด "เพื่อนาง ท่านถึงกับตบหน้าข้าถึงสองครั้ง นางมันก็แค่ตัวอะไร?"

ดวงตาของหงเย่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้าจะไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ หรือว่านับจากนี้จะไม่ต้องติดตามข้าอีก เลือกเอา!”

ดวงตาของอะโฉ่วเผยความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที "ท่านชาย ท่าน..."

นางจ้องไปที่หยวนชิงหลิงอย่างโหดเหี้ยม ในท้องเต็มไปด้วยความเกลียดชังอันชั่วร้าย แต่เพราะสายตาที่มองมาด้วยความโกรธเคืองของหงเย่ ทำให้นางไม่กล้าพูดอะไร จึงทำได้แค่หันหลังเดินจากไปอย่างขุ่นเคือง

เมื่ออะซี่เห็นความชั่วร้ายและความดื้อรั้นในสายตาของนาง จึงรู้สึกไม่อาจวางใจอย่างมาก พูดกับหงเย่ว่า : "ท่านชาย คนของเจ้าก็ช่วยสอดส่องดูแลให้มันดี ๆ หน่อย วันพรุ่งนี้ก็อย่าได้ร่วมทางไปด้วยกันอีกเลยจะดีกว่า"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน