สองคนปรึกษากันสักพัก คิดว่าส่งคนไปสืบดูหน่อยดีกว่าไหม
เพราะไม่รู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของอีกฝ่ายดีแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่กล้าให้อะซี่ไป เช้าวันรุ่งขึ้นหยวนชิงหลิง สั่งคนไปเชิญหรงเยว่มาที่จวนแต่เช้า
หรงเยว่เคยเป็นรองหัวหน้าของสำนักเหลิ่งหลัง ฝีมือการต่อสู้ยอดเยี่ยม ผ่านการศึกมานับไม่ถ้วน ต่อให้ฝีมือการต่อสู้ของฮูหยินทังดีมาก นางกลับมาได้อย่างปลอดภัยถือว่าไม่เป็นปัญหา
หลังจากหรงเยว่ได้รู้สถานการณ์แล้ว ก็รับปากทันที แต่ต้องวางแผนก่อนล่วงหน้า เพราะหากเป็นการเข้าใจผิด ไม่พบอะไรผิดปกติ และถูกใต้เท้าทังจับได้ จะต้องหาเหตุผลอะไรสักอย่างมาอ้าง เพื่อไม่เป็นการทำลายความรู้สึกซึ่งกันและกัน
ยังไงใต้เท้าทังก็ดีกับฮูหยินมาก และก็เชื่อใจกัน คิดว่าคงไม่เคยคิดสงสัย
ฮูหยินเหยาคิดไปคิดไป แล้วก็พูดขึ้นว่า “เอาแบบนี้ ไปตอนกลางคืนดูไม่ค่อยดี เดี๋ยวสักพักเจ้ากับข้าไปเป็นแขกด้วยกัน เจ้าเดินดูรอบๆภายในเรือน หากมีหลุมใต้ดินจริง เจ้าน่าจะสืบรู้ได้”
หรงเยว่กับหยวนชิงหลิงก็เห็น นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
หยวนชิงหลิงสั่งคนไปเตรียมของฝาก แล้วก็ไปยังเรือนทังหยาง พร้อมหรงเยว่กับฮูหยินเหยา
เพราะห่างกันแค่เพียงกำแพงกั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญ ไปเยี่ยมถึงที่เลย เอาของฝากไปด้วย ก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท
วันนี้ใต้เท้าทังไปยังกรมการพระนคร ช่วยอ๋องฉีสืบคดี จึงไม่ได้อยู่ในจวน
ภายในห้องมีเพียงสาวรับใช้คนหนึ่งคอยปรนนิบัติ ดูลักษณะท่าทางเงอะงะ ทังหยางหามาหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ฉลาดแต่ทำงานกระฉับกระเฉง เห็นพวกพระชายารัชทายาทมา ก็รีบต้อนรับพาเข้าไป
ห้องรับแขกที่กว้างใหญ่นี้ เชื่อมติดกับห้องนอน มีเพียงม่านฉากกั้นอันหนึ่งกั้นไว้ จำได้ว่าตอนที่เข้ามาในจวนตอนนั้น ไม่มีแม้กระทั่งม่านฉากกั้น ตอนนี้กลับมีม่านฉากกั้นไม้โบราณอันหนึ่งกั้นไว้ ก็ไม่รู้สึกเหมือนมีบ้าน สำหรับหยวนชิงหลิง เป็นเพียงหอพักที่ค่อนข้างธรรมดา
ฮูหยินทังสวมชุดสีเขียวมรกต คาดเข็มขัดสีเหลือง ผมยาวมัดเกล้าไว้อย่างธรรมดา ไม่มีเครื่องประดับอย่างอื่น ใบหน้าสด แม้เพียงบางเบาก็ไม่ทา บนโหนกแก้มมีฝ้าสีน้ำตาลอ่อน ดูไม่น่าเกลียด แต่กลับค่อนข้างเหมือนผ่านอะไรมาอย่างโชกโชน
ได้ยินสาวใช้พูดว่าพระชายารัชทายาท กับพระชายาหวยและฮูหยินเหยามาเยี่ยม ก็เดินมาทำความเคารพ พร้อมพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันถวายบังคมพระชายารัชทายาท ถวายบังคมพระชายาหวย ถวายบังคมฮูหยินเหยา ไม่ทราบว่าท่านทั้งสามจะมาเยือน ไม่ได้ออกไปต้อนรับ ต้องขออภัยด้วย”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ฮูหยินทังไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ พวกเรามีเวลาว่างก็เลยมาเที่ยวหา หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนฮูหยิน”
ใบหน้าฮูหยินทังยิ้มแย้มเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้อย่างไรล่ะ? ยังไงวันๆหม่อมฉันก็ไม่มีอะไรทำ มีคนมาพูดคุยเป็นเพื่อน น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบเชิญนั่งลง”
ภายในห้อง เก้าอี้ก็มีไม่เยอะ วางอยู่ติดผนังอยู่แค่สามตัว หรงเยว่จึงไม่นั่ง สบตากับหยวนชิงหลิง แล้วก็เดินออกไป
หรงเยว่เดินออกไปแล้ว ใบหน้าของฮูหยินทังก็มองไปที่หน้าประตู พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหวยออกไปหรือ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น นางมองไม่เห็น ในห้องนี้รวมทั้งสาวใช้ มีทั้งหมดสี่คน แค่ฟังดูก็รู้ได้อย่างไรว่าเป็นหรงเยว่ที่ออกไป?
ฮูหยินทังหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันมองไม่เห็นมาตั้งแต่เด็ก จึงสามารถฟังได้อย่างชัดเจน พระชายาหวยมีฝีมือการต่อสู้สูงส่ง เดินด้วยฝีเท้าเบา มีเพียงเสียงปลิวไหวของเสื้อผ้า”
“เป็นการได้ยินที่ดีจริงๆ” ฮูหยินเหยามองดูนางอยู่ตลอด พร้อมพูดชมขึ้น
ฮูหยินทังโบกมือ ยังคงอมยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ใช้หูแทนตา ยังไงก็ไม่สะดวก อยากดีที่หลายปีมานี้เคยชินแล้ว”
ฉวยโอกาสตอนที่ฮูหยินเหยาพูดคุยอยู่กับนาง หยวนชิงหลิงมองดูตาของนางอยู่ตลอด จนบางครั้งมีการเคลื่อนไหวบ้าง ยกมือขึ้นมา หรือสะบัดแขนเสื้อ แต่ฮูหยินทังแทบไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ แม้แต่การตอบสนองด้วยสัญชาตญาณก็ไม่มี เหมือนกับมองไม่เห็นจริงๆ
หยวนชิงหลิงแอบนึกสงสัย หรือว่าเจ้าทังหยวนจะโกหก? คนคนหนึ่งหากแกล้งทำเป็นตาบอด มักจะทำไม่ได้เนียนขนาดนี้ โดยเฉพาะปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวโดยบังเอิญ ต่อให้ปกปิดแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีร่องรอยที่สามารถทำให้รู้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...