บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1098

ในวินาทีต่อมา อะซี่ก็ถูกฮุ่ยเทียนหิ้วคอขึ้นมาราวกับลูกไก่ เสียงคำรามดังสนั่นราวฟ้าผ่าจนหูนางอื้ออึงไปหมด "เลือกพูดแต่ประเด็นสำคัญมาให้ชัด ๆ !"

อะซี่ตกใจจนผงะ มองใบหน้าอันน่ากลัวของฮุ่ยเทียน แล้วตอบออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า: "มีคนลักพาตัวฮูหยินเหยาไป!"

“ใคร? อยู่ที่ไหน?” ฮุ่ยเทียนทิ้งตัวนางลงพื้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “รีบพูดมา!”

ครั้งนี้ต่อให้ตีให้ตาย อะซี่ก็ไม่กล้าพูดแล้วว่าเป็นนางกับหรงเยว่รวมหัวกันวางแผนนี้ขึ้นมา ขอแค่นางบอกความจริงออกไป นางคงจะถูกฮุ่ยเทียนโยนลงไปจากที่นี่แน่ ๆ

“รีบพูดมาสิ!” ฮุ่ยเทียนตะเบ็งเสียงคำรามอีกครั้ง

เมื่อเห็นท่าทางดุร้ายขนาดนี้ของเขา อะซี่ก็ตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว รีบพูดออกไปว่า: "ตอนนี้คนยังไม่รู้ว่าอยู่ไหน เจ้าไปถามหาจากคนของสำนักเหลิ่งหลังดูพวกเขาสะกดรอยตามไป..."

ก่อนที่อะซี่จะทันได้พูดจบ ตรงหน้าก็พลันว่างเปล่า บนพื้นหิมะมีเงาร่างหนึ่งโฉบผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วหายตัวไปทันทีจนไม่เหลือแม้แต่เงา

อะซี่ถึงกับขยี้ตา หลุดเสียงจิ๊จ๊ะ   "สวรรค์เถอะ! วิชาตัวเบาของฮุ่ยเทียนยอดเยี่ยมแท้ แต่ทำไมเขาถึงได้เป็นห่วงฮูหยินเหยาขนาดนี้ล่ะ? นี่ข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่านะ?"

อะซี่เดินทุลักทุเลราวกับคนเป็นอัมพาตครึ่งซีกบนพื้นหิมะ ลมหนาวก็พัดโบกจนหนาวเยือก พัดจนเสียดแทงลึกถึงกระดูกจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งให้ได้ นางมาได้ครู่เดียวยังรู้สึกหนาวจะแย่ ฮุ่ยเทียนถึงกับมานั่งสมาธิฝึกวรยุทธ์ที่นี่ได้ ก็สมแล้วล่ะที่วรยุทธ์ของเขามันถึงได้ดีขนาดนั้น

นางเดินลงมาจากภูเขา แอบอ้อนวอนเทพเจ้าทุกท่าน หวังในใจว่าฮูหยินเหยาจะปลอดภัยไร้เรื่องราว ไม่อย่างนั้น นางคงจะรู้สึกไม่สบายใจไปตลอดชีวิตที่เหลือแน่ ๆ

จะว่าไป คนของสำนักเหลิ่งหลังที่รับหน้าที่สะกดรอยตามเกี้ยวของฮูหยินเหยาเหล่านั้น อันที่จริงท่านชายสี่เองก็นึกภาพออกอยู่แล้วว่า มีพวกเขาหลายคนที่ถูกจับตามองมานานแล้ว ดังนั้น ครั้งนี้คนที่ถูกส่งตัวไปสะกดรอยตาม จึงเป็นสายลับที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าในสำนักมาก่อน ง่ายต่อการปลอมตัวแทรกซึม ปกติคนเหล่านี้มักไม่ปรากฏตัวหรือสอบถามข่าวคราวใด ๆ พวกเขาล้วนปรากฏตัวในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน โดยพื้นฐานแล้วจึงไม่ถูกจับตามอง

แต่สายลับของสำนักเหลิ่งหลังนั้นจะไม่เคลื่อนไหวง่าย ๆ สำนักเหลิ่งหลังมีนักฆ่ามากมาย แต่สายลับกลับเป็นสายพันธุ์ที่หายากมาก จึงต้องทะนุถนอมและปกป้องพวกเขาอย่างมิดชิด การที่ท่านชายสี่ตัดใจสั่งให้พวกเขาเคลื่อนไหว ก็นับว่าเป็นการให้เกียรติอย่างมากแล้วจริง ๆ

อีกทั้งทางหยู่เหวินเห้าก็ไปหาหงเย่แล้ว เมื่อหงเย่เริ่มได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดว่าหงเล่ยังไม่ตาย เขากลับไม่เชื่อ

แต่หลังจากฟังการวิเคราะห์ของหยู่เหวินเห้า กับดูจากทักษะการลงมือของสายลับ ใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ ซีดเผือดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นไม่นานก็พูดขึ้นว่า: “บางที เขาอาจจะยังไม่ตายจริง ๆ กระต่ายเจ้าเล่ห์ต้องมีสามโพรง * (หมายถึง จะทำการอะไรในสถานการณ์เสี่ยงๆ ก็ต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้หลายๆ ขั้น) แล้วคนอย่างเขาจะมีแค่สามโพรงเท่านั้นรึ? ตะขาบเฒ่าตายยากพรรค์นั้นไม่น่าจะยอมโดนฆ่าตายง่าย ๆ หรอก!"

ประโยคสุดท้ายนั้น เขาแทบจะกัดฟันพูด มันเต็มไปด้วยความจนใจและความเกลียดชัง

หยู่เหวินเห้ารู้เรื่องของเขา ตอนแรกก็จำกัดไว้แค่ความตื่นตกใจ แต่ตอนนี้มาเห็นเขาในสภาพนี้ ก็รับรู้ได้ถึงความเกลียดชังที่ซึมลึกไปจนถึงกระดูกดำ เป็นครั้งแรกที่เขาอดเกิดความรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจหงเย่ไม่ได้

แต่เขาไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น เพราะเชื่อว่าหงเย่ก็ไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจจากเขาแน่

หยู่เหวินเห้าพูดถึงความตั้งใจของเขา หวังว่าเขาจะสามารถช่วยทังหยางออกมาได้

หงเย่พูดว่า: "ในตอนแรกที่ข้าเข้ารับช่วงต่อหน่วยสายลับของเขา ไม่ว่าจะวิธีการดำเนินงานหรือทักษะของเขาข้าต่างก็รู้ดีทั้งหมด ฟังจากการวิเคราะห์ของเจ้า เกรงว่าสายลับกลุ่มนี้อาจถูกซ่อนตัวเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้น พวกเขาจะยังคงใช้วิธีเดิม คือแทรกซึมแล้วเดินแผนตามขั้นตอน ประเด็นสำคัญคือทิศตะวันออก เขาเชื่อว่าทิศตะวันออกเป็นทิศที่เอื้อประโยชน์ต่อเขา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นจวน หรือที่มั่นหลัก ก็จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกทั้งหมด ดังนั้น ต้องไปตามหาทางทิศตะวันออก พวกเขาไม่น่าจะฆ่าคนง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมื่อตัวตนของทังหยางพิเศษมาก พวกเขาอาจคิดจะยุยงให้ทังหยางทรยศ แต่ถ้าทังหยางมีนิสัยแข็งกร้าว นั่นก็ยากจะรับประกันแล้ว”

"ตะวันออก?" หยู่เหวินเห้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ตะวันออกคือวัง แต่ว่าวังเต็มไปด้วยจวนของชนชั้นสูง สำนักงานใหญ่ของหน่วยสายลับของหงเล่จะถูกซ่อนอยู่ที่นี่ได้อย่างนั้นรึ?"

หงเย่ตอบว่า "ได้สิ แต่ไม่แน่ว่าทังหยางอาจไม่อยู่ที่นี่ เป็นไปได้ว่าทังหยางอาจจะถูกย้ายตัวไปทางทิศตะวันตกมากกว่า"

“ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นอีกล่ะ? ” หยู่เหวินเห้าฟังแล้วก็ตกใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน