บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1104

ฟังประโยคนี้แล้ว กลายเป็นหยู่เหวินเซียวโง่เขลาไปเลย

เขาไม่รู้ว่าหลินเซียวคือใคร? แต่เขาเคยเขียนจดหมายมา บอกไท่ซ่างหวงว่า หลินเซียวเคยเข้าออกในจวน เขายังส่งคนไปไล่ตาม ทำไมกลับถึงไม่รู้ว่าหลินเซียวเป็นใคร?

เขามองดูอ๋องผิงหนาน เขาดูเหมือนไม่รู้อะไรจริงๆ สายตาสีหน้าล้วนบ่งบอกถึงความไม่รู้อะไรเลย

หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ท่านจำเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไม่ค่อยได้หรือ? งั้นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ท่านยังจำได้ไหม?”

“จำได้” อ๋องผิงหนานอมยิ้ม ความสดใสบนใบหน้ากลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องที่ผ่านมาเนิ่นนานมากแล้ว ข้าก็ยังจำได้”

หยวนชิงหลิงคิดในใจ คงไม่ใช่โรคหลงลืมมั้ง?

“งั้นท่านเขียนจดหมายมาให้กับไท่ซ่างหวงครั้งล่าสุดนี้คือเมื่อไหร่?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

อ๋องผิงหนานพูดขึ้นว่า “ก็คือตอนที่ข้าเขียนจดหมายมาบอกเขาว่า ข้าจะกลับเมืองหลวง”

แสดงว่า ก็คือเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เขียนจดหมายมาเพราะเรื่องหลินเซียว ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเพียงครึ่งเดือนเองมั้ง? ทำไมถึงจำเรื่องนี้ได้กลับจำเรื่องนั้นไม่ได้? และการกลับมาของเขาในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อป่วย จึงมีพระราชโองการ เรียนเชิญให้เขากลับมาเมืองหลวงไม่ใช่หรือ?

หยวนชิงหลิงมองดูเขาอยู่สักพัก พร้อมถามขึ้นว่า “งั้นท่านยังจำได้ไหมว่า ที่ให้พวกเราสองคนสามีภรรยาเข้ามา เพื่อต้องการที่จะถามเรื่องอะไร?”

อ๋องผิงหนานมองดูนางแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “จำได้แน่นอนอยู่แล้ว จะถามว่าหลายปีก่อน ไท่ซ่างหวงเคยป่วยหนักใช่ไหม”

ทั้งสามคนคุยกันอยู่ข้างในสักพัก มั่นใจว่าอ๋องผิงหนานไม่รู้จักหลินเซียวจริงๆ นี่ทำให้ทั้งสองคนแปลกใจอย่างมาก หลังจากออกมาจากห้องแล้ว หยู่เหวินเห้าก็ไปหาอ๋องผิงหนานซื่อจื่อ

หลังจากซื่อจื่อทานยาแล้วก็นอนพักผ่อน เห็นหยู่เหวินเห้ามา ก็รีบลุกขึ้นมา อาจเป็นเพราะว่ายังรู้สึกไม่สบายท้อง ดังนั้นจึงกอดผ้าห่มผืนหนึ่งกดทับท้องไว้

หยู่เหวินเห้าเห็นสีหน้าของเขายังขาวซีด จึงถามขึ้นว่า “ท่านลุงซื่อจื่อ ทานยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นหรือ?”

ซื่อจื่อฝืนยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงทรมานอยู่บ้าง”

“งั้นข้าก็ไม่รบกวนท่านพักผ่อน แค่อยากถามว่า ช่วงนี้ความจำของเสด็จปู่ใหญ่ ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

ซื่อจื่อนั่งตัวตรง พยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงความจำเสด็จพ่อไม่ดีมาตลอด มีบางครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นนานมากแล้วล้วนจำได้ มีบางครั้งเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกลับจำไม่ได้”

“งั้นท่านลุงซื่อจื่อรู้จักหลินเซียวไหม? เสด็จปู่ใหญ่เคยส่งจดหมายมาหาไท่ซ่างหวง พูดถึงเรื่องหลินเซียวไหม?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

ซื่อจื่อพูดขึ้นว่า “เข้าใจผิดแล้ว จดหมายฉบับนี้ที่จริงข้าเป็นคนสั่งให้คนเขียนขึ้นมา แล้วส่งมาให้กับไท่ซ่างหวง ก่อนหน้านี้หลินเซียวคนนี้มีติดประกาศตามจับ ตอนแรกข้าไม่รู้ ตอนที่เขามาที่จวนข้าเป็นคนต้อนรับเขา ต่อมาเมื่อเขาไปแล้วข้าค่อยรู้ จึงรีบสั่งคนไล่ตามไป กลับไล่ตามไม่ทัน ข้าเห็นราชสำนักติดประกาศตามจับ ยังไงก็ต้องเป็นคนร้าย คนคนนี้กลับปรากฏตัวอยู่ในจวนอ๋อง ข้ากลัวว่ามีใครเห็นเข้าแล้วนำไปพูดจะทำให้เข้าใจผิด จึงอาศัยนามของท่านพ่อ เขียนจดหมายไปเล่าเรื่องนี้ให้ไท่ซ่างหวงได้รู้”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” ในใจหยู่เหวินเห้ารู้สึกแปลก แต่เมื่อคิดดูแล้ว ก็ถือว่ามีเหตุผล จึงพูดขึ้นว่า “งั้นต่อมาหลินเซียว ยังเคยเข้าไปในจวนอ๋องอีกไหม?”

“ไม่เคยแล้ว” ซื่อจื่อพูดขึ้น

มันก็น่าแปลก ข้อมูลที่หยู่เหวินเห้าได้รู้มา หลินเซียวยังเคยไปจวนอ๋องอีก

“ใช่ ได้ยินมาว่าจวนอ๋องรับคนเซียนเปยมาจำนวนหนึ่ง ท่านลุงซื่อจื่อเป็นคนรับมา หรือเสด็จปู่ใหญ่เป็นคนรับมา?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

ซื่อจื่อพูดขึ้นว่า “องครักษ์เซียนเปยหลายคนนั่น เสด็จพ่อเห็นพวกเขาน่าสงสาร ไม่มีบ้านมีช่อง จึงรับไว้เป็นองครักษ์ในจวน”

เขามองดูซื่อจื่อ สีหน้าเขาขาวซีดอ่อนล้า ไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาพูดเป็นความจริงหรือความเท็จ และก็ไม่ควรที่จะรบกวนเขาพักผ่อน จึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง ท่านลุงซื่อจื่อพักผ่อนเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน