ภรรยาเจ้าของเรือทำอาหารค่ำ แล้วเดินย่องอย่างช้า ๆ เข้ามาเชิญทั้งสองคนไปกินข้าว
ภรรยาเจ้าของเรืออายุราว ๆ สามสิบกว่า ๆ หาเลี้ยงชีพกับแม่น้ำมานาน จึงคุ้นเคยกับการเดินบนพื้นเรือที่สั่นโคลงเคลง ร่างกายของนางโอนเอนเล็กน้อย แล้วเพราะส่วนใหญ่นางจะเริ่มลงทะเลสาบตอนกลางคืน นอนหลับในช่วงกลางวัน ดังนั้นผิวของนางจึงขาวมาก
ภรรยาเจ้าของเรือมือไม้คล่องแคล่ว ทำอาหารมาให้สองสามอย่าง มีหมูเส้นผัด ปลาย่าง หน่อไม้ผัด และโจ๊กปรุงสด นิ้วมือของหยู่เหวินเห้าขยับพร้อม คืนนี้เขายังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้จึงรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว ไปดึงตัวหยวนชิงหลิงมานั่งลง พูดชมภรรยาเจ้าของเรือว่า: "กลิ่นหอมยวนใจ รสชาติต้องดีมากแน่"
ภรรยาเจ้าของเรือก็คุ้นเคยกับการต้อนรับขับสู้ผู้คนเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าคุณชายท่านนี้หน้าตาหล่อเหลาพิสุทธ์ดั่งหยกเนื้อดี ถูกเขาพูดชมเช่นนี้ ก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “แค่อาหารหยาบ ๆ หวังว่าคุณชายกับฮูหยินจะไม่รังเกียจก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
“นั่งกินด้วยกันดีหรือไม่?” หยวนชิงหลิงเชื้อเชิญ
ภรยาเจ้าของเรือโบกมือเป็นระวิง “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่กินด้วยหรอก ของพวกเรามี”
หลังจากที่นางพูดจบ ก็รีบถอยห่างออกไปอย่างเขินอาย
บนดาดฟ้า มีโคมไฟลมดวงหนึ่งถูกจุดไว้ อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะเตี้ย ทั้งสองนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง มองดูสายน้ำในทะเลสาบที่เป็นระลอกคลื่น กับเงาสะท้อนของดวงดาวในผืนน้ำ ช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกอย่างสุดจะพรรณนา
อาหารจานผัดนั้นอร่อยมาก หน่อไม้ไม่แก่ เหมาะกำลังดี ทั้งสดและนุ่มมาก
หยู่เหวินเห้าคีบให้หยวนชิงหลิงเยอะมาก ได้เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มยุ้ยไปหมด ก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง หยวนชิงหลิงกินไปพลาง ก็หันไปให้ความสนใจกับคู่สามีภรรยากับลูกเรือผู้ช่วยที่หยุดเพื่อกินข้าวอยู่อีกด้าน
พวกเขานั่งล้อมวงกัน ตรงกลางมีหม้อใบหนึ่งตั้งอยู่ แต่ละคนถือชามคนละใบ กึ่งนั่งยอง ๆ กึ่งชันเข่ากินข้าว ไม่เห็นว่ากินอะไร แต่ดูท่าทางแล้วกินได้อย่างเอร็ดอร่อยมาก เจ้าของเรือคีบอาหารให้ภรรยาอย่างคล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติมาก เพราะความที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ย่อมต้องเข้าใจกันและกันได้โดยปริยาย นางชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร แน่นอนว่าเขาต้องรู้ดี
ความรู้สึกที่เงียบสงบเช่นนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกประทับใจมาก
จะอยากได้ใต้หล้าไปทำไม? จะเป็นฮ่องเต้ไปทำไม? ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบไม่วุ่นวายแบบนี้ต่างหาก ที่วิเศษเหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด
ตั้งแต่พวกเขาเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันดี ๆ แบบนี้? พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการคิดคำนวณแผนการนั่นนี่ทุกวี่วัน ความรุ่งเรืองความงดงามทั้งหลาย ล้วนสร้างจากเลือดเนื้อของใครหลาย ๆ คนที่ต้องล้มตายราวสายฝน พวกเขาเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ
พวกเขาแต่งงานกันมาห้าปีแล้ว ล้วนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน หยู่เหวินเห้ามองไปยังทิศทางที่นางกำลังมองอยู่ ในใจก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร จึงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า: "บางทีรอสักวันหนึ่ง เราก็อาจจะเป็นแบบพวกเขาได้เหมือนกันนะ ซื้อเรือสักลำ ออกไปตกปลาทุกวัน พอพลบค่ำก็ทำอาหารสดใหม่กินกัน ไม่ต้องเอาปัญหาอะไรมาให้กวนใจ มีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้น"
“ดีจริง!” หยวนชิงหลิงวางชามข้าวลงอย่างช้า ๆ การมีความหวังเป็นสิ่งดี แต่กลับช่างยาวไกลเหลือเกิน เส้นทางในอนาคตของเขา เหมือนจะถูกกำหนดชัดแล้ว ตอนนี้เขาได้เป็นรัชทายาทแล้ว ไม่มีวันแยกออกจากหน้าที่นี้ได้อีกต่อไป รอให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็น่ากลัวว่าจะยุ่งขึ้นกว่าตอนนี้อีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
เขาแกะก้างปลาให้นาง แล้วคีบไปจ่อที่ปาก “ลองชิมดูสิ สดมากเลยนะ”
หลังจากหยวนชิงหลิงกินเข้าไป ก็รู้สึกถึงความสดขณะที่เคี้ยว เห็นว่าปลาตัวนี้ก็เป็นแค่ปลาตะเพียนธรรมดา แต่ทำไมถึงได้หวานอร่อยขนาดนี้ได้นะ?
นางกินเข้าไปอีกหลายคำ ก็เลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วพูดว่า: "มันอร่อยมากจริง ๆ พวกนี้น่าจะเป็นอาหารสดในทะเลสาบสินะ?"
“ น่าจะใช่ นี่อาจไม่ใช่ปลาเลี้ยง เลยหวานอร่อยกว่ามาก ” หยู่เหวินเห้าเห็นว่านางมีความสุขมาก จึงพูดหยอกเย้าว่า “แค่ปลาที่ รสชาติอร่อยตัวเดียว เจ้าก็มีความสุขขนาดนี้เชียวรึ? หยวน ข้อเรียกร้องของเจ้าต่ำไปหน่อยนะนี่”
หยวนชิงหลิงมองเขานิ่ง ๆ "ไม่ใช่แค่ปลาตัวนี้หรอก เป็นเพราะคืนนี้ แสงดาวเหล่านี้ ทะเลสาบแห่งนี้ อาหารมื้อนี้ แล้วก็คนสำคัญที่สุดก็คือเจ้าด้วย"
หยู่เหวินเห้าจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง "สิ่งที่เจ้าพูดในคืนนี้ ทำให้ข้ารู้สึกหน่วงในใจยิ่งนัก"
สองคนมองประสานสายตากันครู่ใหญ่ ได้เห็นความอ่อนโยนและรักใคร่จากก้นบึ้งดวงตาของเขา ในใจหยวนชิงหลิงก็บังเกิดความปลื้มปริ่มยินดีอย่างไม่รู้จบ
หลังกินมื้อค่ำเสร็จ ทั้งสองก็ไปนั่งเล่นบนหัวเรือ โอบกอดกันมองดูทะเลสาบอันพลุกพล่าน มองจากฝั่งไป เรือนางโลมในทะเลสาบดูแน่นหนามาก แต่เมื่อนั่งดูจากตรงกลาง ถึงรู้ว่าพวกเขาถูกแยกออกจากกันด้วยระยะห่างที่ไกลกันพอสมควร ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ซึ่งนับว่าต่างคนต่างได้รับความสงบที่น่าพอใจ
ทั้งสองพูดคุยกันนานมาก เริ่มตั้งแต่เรื่องของพวกเขา ไปจนถึงเรื่องของลูก ๆ พูดถึงพ่อแม่ในยุคปัจจุบันกับฟางหวู่ พูดเรื่องท่านชายหงเย่ พูดเรื่องจวิ้นจู่จิ้งเหอกับอ๋องเว่ย หยวนชิงหลิงถึงได้รู้ว่าแขนของอ๋องเว่ยเชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งสองคนกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับมาเมืองหลวง
“เจ้าว่าพวกเขาสองคนจะลงเอยกันด้วยดีได้หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...