บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1155

หยู่เหวินเห้าค่อยๆเหลือบสายตาขึ้นมองผ่านระเบียงลงไป เห็นเพียงซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานที่สวมชุดผ้าแพรเดินเข้ามาโดยพาคนมาด้วย เห็นได้ชัดว่าเขามีท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา เยื้องย่างอย่างสุขุม ภายใต้แสงแดดที่แรงกล้า แสงอาทิตย์ที่สาดส่องไปบนเงาร่างของเขาราวกับลูกสนัขตัวน้อยที่กำลังคืบคลานอยู่บนพื้น เคลื่อนไหวตามฝีเท้าที่ก้าวเดิน เงานั้นก็เคลื่อนไหวตามไปด้วย

ริมฝีปากของหยู่เหวินเห้าค่อยๆผุดรอยยิ้มจางๆขึ้นมา “ให้คนเตรียมอาหาร ”

“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับผีรับคำ แล้วก็สั่งการลงไป ให้เจ้าของโรงเตี๊ยมเตรียมอาหารที่เคยได้สั่งไว้ล่วงหน้าให้เรียบร้อย รอให้คนมาถึงแล้วก็นำมาขึ้นโต๊ะทันที

ผ่านไปชั่วครู่ รองเท้าหัวโค้งปักลายเมฆสีดำคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนชั้นสอง ขณะที่ชายเสื้อกระพือเล็กน้อย มีบรรยากาศที่แฝงไปด้วยความเย็นเยือกจู่โจมเข้ามา หยู่เหวินเห้ายกแก้วน้ำชาไว้ในมือ เหลือบสายตาขึ้นมากวาดมอง หางตามองเห็นคนที่ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานได้พามาด้วย ทั้งหมดล้วนพกกระบี่ และกระบี่ที่พกมาถูกถอดออกจากฝักแล้ว เปล่งแสงจางๆ

“องค์รัชทายาท ขออภัยที่ให้รอนาน”ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานยิ้มอย่างร่าเริง ก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆเข้ามา แล้วก็ลากเก้าอี้ออกมานั่งลงตรงหน้าของหยู่เหวินเห้า สายตาเต็มไปด้วยความอวดดี “พระองค์มาคนเดียวหรือ กระหม่อมยังคิดว่าองค์รัชทายาทจะพาเพื่อนมาอีกหลายคนเสียอีก ดื่มเหล้ากันสองคน น่าเบื่อจริงๆ”

คำว่ากระหม่อม ทำให้สายตาของหยู่เหวินเห้าไหววูบขึ้นมาทันที แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “คนที่พาไม่ด้วยไม่ต้องมาก แค่เหมาะสมก็พอ”

“พระองค์ประมาทเกินไปแล้วกระมัง พาคนมาด้วยแค่นี้ ไม่เกรงว่ากระหม่อมจะตัดศีรษะของพระองค์ลงมาหรืออย่างไร”เขาพูด แล้วก็หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา สีหน้าท่าทีนั้นอวดดีอย่างที่สุด

บางทีอาจเป็นเพราะว่าหยู่เหวินเห้าคิดไม่ถึงว่าซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานจะไม่ปิดบังอะไรเลย พอมาถึงก็พูดจาไร้สาระบ้าระห่ำเช่นนี้ แต่ว่า ที่จริงก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง ละครฉากนี้ ทุกคนต่างก็รู้ดีแก่ใจ นี่เป็นการเดิมพัน ดูว่าใครจะชนะเท่านั้น

หยู่เหวินเห้ายิ้มบางๆ “ข้าเองก็เห็นซื่อจื่อพาคนมาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น จะเอาศีรษะของข้า คงไม่ง่าย”

สองมือของซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานวางไว้บนขอบโต๊ะ มีความน่าเกรงขามของความคุ้นเคยในการชี้แนะเรื่องบ้านเมือง สายตามีแววเย็นชาผุดขึ้นมา “เมืองหลวงของเป่ยถังมีคนหลายล้านคน ในจำนวนคนหลายล้านนี้ มีสองล้านคนที่มาจากภายนอก ท่านว่าในจำนวนคนสองล้านคนนี้ มีเท่าไหร่ที่เป็นคนของกระหม่อม”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ซื่อจื่ออยากจะบอกว่าประชาชนที่เดินไปมาข้างนอกในตอนนี้ อาจจะเป็นคนของท่านก็ได้อย่างนั้นหรือ”

“ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่ รัชทายาทรู้สึกหรือไม่ว่าตัวเองประมาทเลินเล่อเกินไป ยังไม่สู้เสียเวลามากอีกหน่อย ค่อยๆเล่นกันต่อไปสักหน่อย คัดสายลับออกมาทีละเส้นทีละสาย กระหม่อมนั้นคิดไว้ว่าจะให้เวลาที่เพียงพอกับท่าน เสียดายที่รัชทายาทไม่อาจจะข่มอารมณ์เอาไว้ได้ ”ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานยิ้มเย็น

หยู่เหวินเห้าค่อยๆนั่งตัวตรง น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “คงต้องขอบคุณในความหวังดีของท่านจริงๆ แต่การจับตัวสายลับออกมา ยากมาก ต้องการรู้ว่ามีคนเท่าไหร่ที่ถูกพวกท่านแอบปลุกปั่นให้เป็นศัตรู ก็ยากมาก ไม่สู้ลงสนามโดยตรง ให้ข้าได้เห็นเองกับตา ว่าเจ้าครองแคว้นหงเล่ที่แท้ได้วางแผนการที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนไว้ในเป่ยถังของเรา”

เขาพูดจบ ก็ยิ้ม เอ่ยอย่างสบประมาทว่า “ดูสิข้าช่างบุ่มบ่ามเสียจริง ไม่ควรเรียกท่านว่าเจ้าครองแคว้น เพราะว่าแคว้นซู่ได้ถูกทำลายจนสิ้นแล้ว ควรต้องให้เกียรติท่านโดยการเรียกว่าแม่ทัพใหญ่หงเล่จึงจะถูก”

ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานยิ้มขึ้นอย่างเคร่งขรึม“กระหม่อมไหนเลยจะเคยมองแคว้นซู่อยู่ในสายตา แผ่นดีที่คับแคบเช่นนั้นไหนเลยจะเทียบได้กับแผ่นดินที่สวยงามอย่างเป่ยถังได้ ได้ครองเป่ยถัง ยังจะต้องกังวลอยู่หรือว่าจะเอาเซียนเปยกลับมาไม่ได้”

“อยากจะเห็นจริงๆว่าแม่ทัพใหญ่หงเล่จะมีความสามารถนี้หรือไม่”หยู่เหวินเห้าพูด

เขายกมือขึ้น “ข้ารู้สึกหิวบ้างแล้ว ยกเหล้ากับอาการมา กินไปด้วยคุยไปด้วย ข้ามีเรื่องมากมายอยากจะขอคำชี้แนะจากท่านแม่ทัพใหญ่”

เสี่ยวอ้อในโรงเตี๊ยมยกอาหารเข้ามา ตอนแรกพวกเขารู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ว่า ตอนนี้กลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยสักนิด สีหน้าไม่สะทกสะท้านเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วฉับไว เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นยอดฝีมือ

ด้านล่างมีเสียงฝีเท้าของม้าและคนดังขึ้นราวกับเป็นกองกำลังเป็นหมื่นเป็นพัน สะเทือนจนทำให้โรงเตี๊ยมเยว่ไหลสั่นไหวไปหลายส่วน ระหว่างที่หยู่เหวินเห้ากำลังยกเหล้าขึ้นมา ดวงตาก็เหลือบมองลงไป เห็นเพียงอ๋องอันที่นำกองทัพใหญ่มุ่งตรงไปยังทิศทางของพระราชวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน