หยู่เหวินเห้าพักอยู่ที่พระที่นั่งเป็นเวลาหนึ่งคืน ฟ้ายังไม่สางก็ตื่นขึ้นมาแล้ว หยวนชิงหลิงสวมเสื้อคลุมให้กับเขา มวยผมใส่รัดเกล้า มองดูชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลากลายเป็นคนที่มีรูปลักษณ์เป็นผู้ใหญ่เช่นตอนนี้ หัวใจของนางยินดีปนเจ็บแปลบ มองนิ่งๆโง่ๆอยู่ชั่วครู่ นางพูดว่า “ท่านไปทำอย่าได้กังวลเลย ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราแม่ลูก”
หยู่เหวินเห้าประทับลงไปที่ริมฝีปากของนาง ใบหน้าของนาง หน้าผากของนาง “หลังจากนี้สี่วัน ข้าจะมารับเจ้ากลับบ้าน”
“ได้ ข้าจะรอท่าน”นางยิ้มสดใส สายตาเต็มไปด้วยกำลังใจ แต่ในหัวใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เพราะว่าพวกเขาได้เดินผ่านอุปสรรคต่างๆมาด้วยกันตั้งมากมาย แต่ว่าครั้งนี้ กลับไม่สามารถไปสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้
หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้แน่นๆครู่หนึ่ง จ้องมองนิ่งๆชั่วครู่ สะบัดชายเสื้อก้าวใหญ่ๆจากไป
หยวนชิงหลิงใช้สายตามองส่งเขาเดินจากไป ลานด้านนอกมืดสนิท มีแสงจากโคมไฟสาดส่องตลอดทาง ราวกับจุดประกายเป็นทางช้างเผือกสายหนึ่ง มองส่งเขาที่ปลายแขนเสื้อที่ปลิวสะบัดเดินจากไปไกล
เมื่อไปถึงข้างนอก สวีอีได้มารวมตัวกับเขา จากไปพร้อมกัน
หยวนชิงหลิงมองเห็นอะซี่ยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าลานบ้าน ใช้สายตาส่งสวีอีจากไป ภายใต้แสงที่สาดส่องจากโคมไฟ ในดวงตาของนางมีน้ำตาเอ่อขึ้นมา
หยวนชิงหลิงเดินเข้าไป “อะซี่”
อะซี่รีบยื่นมือออกไปเช็ดที่ตาชั่วครู่ “พี่หยวน”
“ทำไม ไม่วางใจสวีอีหรือ”หยวนชิงหลิงดึงมือของนางและพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
อะซี่สีหน้าซีดลงเล็กน้อย “ไม่วางใจ ไม่เคยไม่วางใจเช่นนี้มาก่อน”
นางเงยหน้าขึ้นมองหยวนชิงหลิง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน “พี่หยวน ท่านว่าทำไมบนโลกใบนี้จึงมีคนคนหนึ่ง ที่พวกเรามองเห็นเขาเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถเกิดความรู้สึกหวาดกลัวในตัวเขาได้มากขนาดนี้”
“ความหวาดกลัวมาจากจิตใจของคน พวกเขาคิดไปเองว่าหงเล่ร้ายกาจมาก ทำให้ตนเองรู้สึกกลัว รัชทายาทบอกว่า หงเล่เป็นคน คนต้องมีจุดอ่อน สามารถจับจุดอ่อนของเขาได้ก็สามารถโจมตีให้พังยับเยินได้”หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ”อะซี่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“ไม่ง่าย ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องพยายาม ”หยวนชิงหลิงดึงมือของนางเอาไว้ค่อยๆเดินกลับไปยังห้อง “พวกเราต้องมีความเชื่อมั่นในพวกเขา พวกเขาเป็นคนที่เคยผ่านสนามรบมาแล้ว เจอกับภัยพิบัติกี่ครั้งสุดท้ายก็กลับมาได้อย่างปลอดภัยมิใช่หรือ วางใจเถอะ”
อะซี่ตื่นเต้นจนฝ่ามือมีเหงื่อผุดออกมา นางไม่วางใจนี่นา ไม่เคยรู้สึกไม่วางใจเช่นนี้มาก่อน
ได้ยินคำพูดของพี่หยวน นางรู้สึกพี่หยวนอาจจะพูดถูกต้อง ที่ว่าหงเล่ดูแล้วร้ายกาจมากถึงเพียงนี้ นั่นเพราะทุกคนต่างก็บอกว่าเขาร้ายกาจ แต่ว่าเขาอาจจะไม่ได้ร้ายกาจจริงๆก็ได้
อีกอย่าง องค์รัชทายาทเองก็ร้ายกาจมาก ต้องรบชนะหงเล่ได้แน่ เพราะว่า ในดวงตาของพี่หยวนไม่เห็นว่าจะมีความกังวลแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่านางเองก็เชื่อมั่นอย่างไร้ข้อกังขา
หยวนชิงหลิงนั้นย่อมเป็นกังวลอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้ปลอบใจอะซี่แล้ว หัวใจกลับรู้สึกสงบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มีความเชื่อมั่นใจตัวเจ้าห้าและท่าทีที่มองโลกในแง่ดี นางทำตามขั้นตอนคืออยู่ในพระที่นั่ง สมควรทำอะไรก็ทำอย่างนั้น
หลังจากหยู่เหวินเห้าไปจากพระที่นั่งแล้ว กลับไปยังราชสำนักและทำการโยกย้ายคนอีกครั้งหนึ่ง ปลดขุนนางใหญ่ที่ดูแลท้องพระคลังออก พระคลังหลวงทั้งหมดให้กองคลังเป็นผู้ควบคุมดูแล แต่งตั้งให้เหลิ่งจิ้งเหยียนเป็นเลขานุการกรมคลัง อ๋องหวยเป็นขุนนางกำกับดูแลท้องพระคลังภายใน
พระคลังหลวงแบ่งเป็นพระคลังภายในกับพระคลังภายนอก พระคลังภายนอกมีหน้าที่สำคัญในการจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับราชสำนักไปจนถึงกองทัพและช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติต่างๆ พระคลังภายในนอกจากดูแลค่าใช้จ่ายภายในราชวังแล้ว ยังมีเงินที่กำหนดเอาไว้ก้อนหนึ่ง ใช้สำหรับรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ได้มีการเปลี่ยนทหารเฝ้าคลังอาวุธของค่ายทหารทางเหนือ โดยมีแม่ทัพหลู่หม่างกับจอหงวนฝ่ายบู๊ลู่หยวนเป็นคนรับช่วงต่อดูแล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...