บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1185

สามวันถัดมาในยามค่ำคืน ทังหยางกลับมาถึงเมืองหลวง ก็มุ่งตรงไปที่ตำหนักเซี่ยวเยว่

เขาเร่งเดินทางอย่างรีบร้อนตลอดทาง ฝุ่นละอองเต็มหน้าไม่ทันได้ล้างสักหน่อย รีบร้อนจนเส้นเลือดแดงในตาทั้งสองข้างออกมาแล้ว ถามหยู่เหวินเห้าด้วยเสียงแหบพร่า “นางอยู่ที่ไหนพ่ะย่ะค่ะ?”

หยู่เหวินเห้าปลอบโยนให้เขานั่งลง จึงได้บอกเขาอย่างละเอียดเกี่ยวกับตัวตนขอแม่นางเจ็ดและคำพูดเหล่านั้นที่เหลิ่งจิ้งเหยียนกล่าว

ทังหยางฟังจบ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกคือส่ายศีรษะ “นี่จะเป็นไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นคนของตระกูลหยวน”

“เช่นนั้นก็ไม่รู้แล้ว ข้าก็ไม่เคยเห็นแม่นางผู้นั้นที่เจ้าพูดถึง” หยู่เหวินเห้ากล่าว

“เจ้าไปหานางเถอะ นางยังอยู่ในเมืองหลวง” หยวนชิงหลิงกล่าว

ทังหยางตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ชั่งเหลวไหลสิ้นดี นางจะเป็นคนของตระกูลหยวนได้อย่างไรกันล่ะ? นางบอกว่านางเป็นลูกหลานครอบครัวที่ต้อยต่ำเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง ทำการค้าเล็กๆน้อยๆ

“ข้าไปหานาง” ทังหยางพูดจบ เหาะพุ่งออกจากประตู ควบม้าจากไป

เรื่องราวในอดีตฉายวนเวียนอยู่ในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนที่รู้จักนาง เขาไม่ได้เห็นเด็กสาวคนนี้อยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง เด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี เป็นเวลาเจรจาเรื่องแต่งงานพอดี เขาไม่อยากทําให้นางเสียเวลา แต่นางก็วิ่งไล่ตามเขาทั้งวัน หัวเราะและดื่มเหล้าเมามายเป็นเพื่อนเขานับครั้งไม่ถ้วน ตอนนั้นนางเหมือนขนมคอเป็ดที่สลัดไม่หลุดติดหนึบอยู่กับเขา เขากลัดกลุ้มทุกข์ใจไม่สามารถแสดงออกมาได้ นางคิดจินตนาการถึงอนาคตเป็นเพื่อนเขา โง่เป็นอย่างมาก

สามปีก็ผ่านไปเช่นนี้ มีครั้งหนึ่งนางหายตัวไปหนึ่งเดือน เขาถึงได้รู้ว่า ข้างกายได้เคยชินกับนางตั้งนานแล้ว จึงตัดสินใจอยู่กับนาง สัญญาว่าจะแต่งงานกับนาง จําได้ว่าตอนที่เขาบอกว่าจะแต่งงานกับนางในตอนนั้น นางยิ้มจนเหมือนกับดอกท้อที่บานสะพรั่งสดใส กระโดดอยู่บนร่างของเขา ตะโกนเสียงดัง ก็ยิ่งเหมือนเด็กบ้าเช่นนั้น

แต่หลังจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดเหตุการณ์นั้น เขาไปบอกนางว่า เขาไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง นางไม่มีรอยยิ้มแล้ว นาทีนั้น ก็ได้เห็นความท้อแท้หมดอาลัยตายอยากเช่นนั้นในดวงตาของนาง

นางต้องการคำอธิบาย เขาไม่ได้ให้ พูดแค่เพียงคำว่าขอโทษแล้วก็จากไป เมื่อก่อนไม่ว่าเรื่องอะไร นางก็จะวิ่งไล่ตามเขา แต่ครั้งนั้นนางไม่ได้ไล่ตาม

ตอนนั้นเขาคิดว่า นางเด็กสาวผู้หนึ่งที่ไม่แยแสอะไรเช่นนี้ ในไม่ช้าก็จะลืมเขาได้

แต่เขากลับรอจนได้ข่าวเกี่ยวกับการตายของนางที่ครอบครัวของนางส่งมาให้เขา นาทีนั้น จึงได้รู้ว่าความรักที่ฝังลึกถึงกระดูกเป็นความรู้สึกเช่นนี้

มาถึงนอกบ้านหลังใหญ่ของตระกูลหยวน ถึงได้รู้สึกว่าบนใบหน้าเย็นจนแข็ง ยื่นมือไปสัมผัส กลับเต็มไปด้วยน้ำตา

หลายปีมานี้ไม่กล้านึกถึง เป็นเพราะนึกขึ้นมาแล้วก็เป็นความเจ็บปวดที่ทะลวงหัวใจทิ่มแทงไปถึงกระดูก

ค่อยๆลงจากม้า เคาะประตูใหญ่ของตระกูลหยวน ได้ยินเสียงที่แข็งทื่อของตัวเอง “ข้าอยากพบแม่นางเจ็ดของพวกท่าน”

ไม่ว่าคนรับใช้จะพูดอะไร เขาก็เหมือนจะไม่ได้ยิน รอเพียงครู่หนึ่ง ก็มีคนพาเขาเข้าไป ตลอดทางที่เดินผ่านสวนดอกไม้ที่เป็นพุ่มๆ ขึ้นระเบียงวน ผ่านสะพานโค้ง คนรับใช้เชิญเขาเข้าไปที่ศาลา ในศาลามีคนนั่งอยู่ผู้หนึ่ง โฉมหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับไม่มีความดึงดันอันร้อนแรงขณะที่ไล่ตามเขาเหมือนอดีตนานแล้ว

เขาหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเล็กน้อย เพียงรู้สึกถึงคลื่นความร้อนพรั่งพรูมาถึงดวงตาและจมูกอย่างฉับพลัน ขึ้นไปด้านหน้าได้อย่างลำบาก เหยียบขึ้นบันไดหิน ยืนอยู่เบื้องหน้าของนาง

นางนั่งอยู่บนราวจับ มือทั้งสองข้างกางออกค้ำอยู่ด้านหลัง ท่าทางการนั่งหยิ่งทะนง แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย คางเชิด แววตาสงบนิ่ง ริมฝีปากยิ้มบางๆ “ใต้เท้าทัง ไม่เจอกันนาน!”

ทังหยางมองดูนาง กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”

“ใช่แล้ว การฆ่าตัวตายในวันนั้น เป็นเพียงแค่การล้อเล่นของข้า” นางยิ้มเล็กน้อย ชี้เก้าอี้หินด้านข้าง “เชิญนั่ง!”

เขานั่งลงช้าๆ ขาทั้งสองข้างกลับสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว ก้นบึ้งของหัวใจนิ้วมือ ไม่มีที่ใดไม่สั่นเทา แม้แต่คําพูดที่สมบูรณ์สักประโยค ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างราบรื่น “เจ้า.......สบายดีหรือ?”

“ดี!” นางยังคงยิ้ม ใบหน้าสวยหยาดเยิ้ม “เพียงแค่ยุ่งอยู่กับการทำการค้า กลับมาเมืองหลวงน้อย ไม่เช่นนั้น บางทีพวกเราอาจจะได้พบกันนานแล้วก็ได้ ได้ยินมาว่าภรรยาของท่านเสียชีวิตแล้ว เสียใจด้วยเป็นอย่างมาก โปรดระงับความโศก!”

“ขอโทษ!” แววตาของเขาหม่นหมอง น้ำเสียงเป็นเพียงแค่สองคนที่สามารถได้ยินเท่านั้น คำว่าขอโทษคำนี้ ห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง ตัวเขาเองก็สามารถสัมผัสได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน