บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1196

อาหารค่ำได้กินร่วมกันกับอะซี่และสวีอี สวีอีเอาแต่คีบอาหารให้กับอะซี่ แต่ล้วนเป็นผักเท่านั้น อะซี่กินแต่ผักอย่างโมโห หลังจากตั้งครรภ์ นิสัยก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น แต่ดีที่สวีอีเป็นพวกเอาใจภรรยา ยินดีแบกรับความลำบาก

“ใช่แล้ว เรื่องนางผดุงครรภ์ อย่างไรเสียก็ต้องหามาให้อะซี่ก่อน ก็คือคนที่เคยทำคลอดให้กับพวกเด็กๆคนนั้น ”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน และสีหน้าก็จริงจังมาก

สวีอีกำลังกินข้าว พูดว่า “ไม่ต้อง ทางจวนหยวนได้เตรียมการไว้หมดแล้ว รอให้ผ่านไปอีกสักระยะก็ไปอาศัยอยู่ที่จวนทางด้านนั้น จะได้ดูแลกันอย่างสะดวก ”

“ที่ตระกูลหยวนหามาให้ คงจะเป็นคนมีฝีมือ”หยู่เหวินเห้าพูด

อะซี่เงยหน้าขึ้นพูดว่า “ข้ากลับรู้สึกว่าตื่นเต้นเกินเหตุ ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะคลอด ถึงกับต้องเข้าไปอยู่ในจวนเร็วขนาดนี้เชียว”

หยู่เหวินเห้ามองนางด้วยสายตาเรียบๆแวบหนึ่ง “หญิงคลอดลูก เจ้าคิดว่าง่ายดายหรืออย่างไร ถ้าหากเป็นครรภ์ที่เด็กไม่กลับหัว จะอันตรายมา”

หยวนชิงหลิงใช้มือกระทุ้งหยู่เหวินเห้าหนึ่งที ให้เขาอย่าขู่อะซี่ให้กลัว

หยู่เหวินเห้ารู้ความหมาย หุบปากทันที แต่สวีอีที่ฟันหลอแต่ไม่มีหูรูดกลับพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว อย่างไรเสียก็ต้องระวังบ้าง ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนฮูหยินเซวียนหนึ่งศพสองชีวิต ……โธ่ถุยๆๆ”

สวีอีรู้ตัวว่าพูดผิดไปแล้ว รีบถุยไปหลายทีจากนั้นก็ตบปากตัวเองไปหลายครั้ง

อะซี่วางถ้วยข้าวลง ถามอย่างสงสัยว่า “ฮูหยินเซวียน ฮูหยินเซวียนคนไหนกัน ทำไมหรือ ทำไมจึงเป็นหนึ่งศพสองชีวิต”

สวีอีเห็นว่าไหนๆก็พูดออกไปแล้ว เก็บคืนมาไม่ได้แล้ว และถ้าหากไม่บอกให้อะซี่รู้ คืนนี้อย่าหวังว่าจะได้พักผ่อน กุมมืออะซี่เอาไว้และพูดว่า “ก็คือฮูหยินของใต้เท้าเซวียนที่ดูแลฝ่ายยานพาหานะของกรมทหาร ได้คลอดลูกเมื่อคืน ปรากฏว่าลูกไม่กลับหัว ไม่สามารถคลอดออกมาได้ส่วนแม่ก็หมดแรงแล้ว บอกว่าเสียเลือดมากเกินไป แต่ว่า เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น เพราะไม่เคยตรวจพบมาก่อนว่าลูกไม่กลับหัว ถ้าหากตรวจพบตั้งแต่แรก เกรงว่าก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ฉะนั้นท่นย่าให้นางผดุงครรภ์มาอยู่ที่จวนก่อนก็ถูกต้องแล้ว”

อะซี่ได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าก็ขาวซีดขึ้นมาทันใด จะเป็นแม่คนอยู่แล้ว ไม่อยากจะได้ยินเรื่องเช่นนี้ที่สุด เสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา แม้แต่ข้าวก็กินไม่ลงแล้ว

สวีอีคิดว่านางเป็นกังวลเรื่องตนเอง ก็ปลอบใจว่า “อะซี่เจ้าอย่ากังวล มีพระชายารัชทายาทอยู่ มีนางผดุงครรภ์ พวกเราสามารถรู้ถึงสภาวะของลูกได้อยู่เสมอ แม้จะอันตรายแค่ไหน พระชายารัชทายาทก็มีวิธี เจ้าดูอย่างตอนที่พระชายารัชทายาทคลอดพระราชนัดดา ตอนนั้นแทบจะผ่าท้องแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยดีทั้งแม่ทั้งลูกมิใช่หรือ”

หยู่เหวินเห้ารู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทั้งร่าง หวนคิดถึงเรื่องในครั้งนั้น รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

หยวนชิงหลิงฟังพวกเขาที่เอาแต่คุยกันถึงเรื่องนี้ รู้สึกสมองปวดเกร็งขึ้นมา นางก็ไม่อยากกินข้าวแล้ว “เอาล่ะ รีบกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”

อะซี่พยักหน้าอย่างลังเลทีหนึ่ง เอ่ยกับสวีอีว่า “ข้ากินไม่ลงแล้ว เรากลับกันเถอะ ”

สวีอีประคองนางให้ลุกขึ้น คำนับกล่าวลาต่อสองสามีภรรยาหยู่เหวินเห้า

บ่าวรับใช้เข้ามาเก็บของ หยู่เหวินเห้าก็อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในบ้าน อย่างไรเสียก็น่าเสียใจ

จึงไปดูเจ้าแฝดพร้อมกับหยวนชิงหลิง เจ้าแฝดได้กินข้าวและกินขนมแล้ว หยวนชิงหลิงทำเองกับมือ ที่จริงนั้นรสชาติแย่มาก แต่ว่าเจ้าแฝดเห็นหยวนชิงหลิงมา ต่างก็พูดว่าชมว่าอร่อย ครั้งหน้ายังอยากจะกินกับข้าวที่ท่านแม่ทำอีก

หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างเจ็บแปลบในใจ “ได้ พรุ่งนี้แม่จะทำอีก ทำให้อร่อยกว่านี้อีก”

นางตัดสินใจแล้วว่าจะฝึกฝนฝีมือการทำอาหารของตนเอง ดูแลเจ้าแฝดให้ดี เพราะถ้าหากครรภ์ที่สามคลอดออกมา เวลาที่จะได้ดูกับเจ้าแฝดก็คงจะน้อยลงไปแน่ มีคำพูดเก่าแก่ที่ว่า ลูกที่อยู่ตรงกลางย่อมน่าน้อยใจ ตอนนี้ดูแล้ว ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

หยู่เหวินเห้าพาเจ้าแฝดเตะลูกตะกร้อกันในลานบ้าน ปกติแล้วเจ้าแฝดเป็นดูเฉื่อยชา แต่พอได้เคลื่อนไหวขึ้นมาจริงๆ ก็รวดเร็วมาก หยู่เหวินเห้าจงใจเตะลูกตะกร้อไปไกลมาก แต่ลูกตะกร้อเพิ่งจะบินออกไป เงาร่างของเจ้าแฝดก็วิ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ถึงกับสามารถไปถึงก่อนลูกตะกร้อจะจรดพื้น ทั้งสองยื่นขาออกไปเตะตะกร้อกลับมาพร้อมกัน

ความแรงและความเร็วในการเตะตะกร้อกลับมาค่อนข้างแรง หยู่เหวินเห้าหมุนตัวพอดี ได้ยินเสียงลมก็รีบหันหน้ากลับมาทันที ตะกร้อลูกนั้นตรงเข้าปะทะใบหน้าเขาอย่างจัง

เขานั่งลง เอามือปิดจมูกเอาไว้ น้ำตาแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน