บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1266

การจะวางแผนลอบสังหารสักฉาก เป็นเรื่องง่ายที่ไม่มีสิ่งใดจะง่ายไปกว่านี้อีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนที่จอมมารกระบี่จะมาถึง ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาแล้วว่า ศีรษะขององค์ชายรัชทายาทจะเป็นของเขาแน่แล้ว

คืนนั้น จอมมารกระบี่หนานเปียนเค่อก็มายังจวนอ๋องฉู่ การต่อสู้ฉากนี้เป็นไปอย่างคึกคักเร่าร้อน ต่างฝ่ายต่างทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง มียอดฝีมือที่ไม่เคยออกจากเมืองหลวงมาดูการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย คนจากสำนักเหลิ่งหลังจึงรีบไล่ตะเพิดออกไป พวกเขาจึงทำได้เพียงลอบดูจากระยะไกล ๆ ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ทุกสิ่งไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ความคมชัดอันน่าเกรงขามของเพลงกระบี่ กลับเป็นสิ่งที่บรรดาผู้คนที่ลอบดูอยู่จากระยะไกลสามารถสัมผัสได้

ท่ามกลางความมืด ได้ยินเสียงร้องโหยหวนและแหลมคมดังมาว่า “ฝ่าบาท!”

จากนั้น ก็เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้นตามกันมาเป็นทอด ๆ “รีบไปช่วยฝ่าบาทเร็วเข้า!”

"คุ้มครองฝ่าบาท คุ้มครองฝ่าบาท!"

“อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ ฆ่ามัน ฆ่ามัน.....”

เสียงเหล่านั้นดังมาก ฟังเสียดหูเป็นพิเศษในท้องฟ้าอันมืดมิดของยามค่ำคืนนี้ แม้ว่าบรรดาคนที่เฝ้าดูการต่อสู้ในระยะไกลจะมองไม่เห็น แต่แค่ฟังเสียง ก็คาดได้ว่าจอมมารกระบี่ประสบความสำเร็จแน่นอนแล้ว

เป็นอย่างที่คิด เพียงไม่นาน ก็เห็นคนคนหนึ่งถือของบางอย่างเหินข้ามท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว มีเสียงร้องไห้อันโศกสลดชวนเวทนาดังออกมา ม้าตัวหนึ่งวิ่งตะบึงออกมาจากประตูจวนอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งตรงไปทางพระราชวัง

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แฝงซ่อนอยู่ใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด ประตูหลักจวนอ๋องฉู่ปิดสนิท คนเข้าออกเหมือนดั่งเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง มีศพทยอยถูกส่งออกไป ส่งกลับไปที่สำนักเหลิ่งหลัง จะเห็นได้ว่าคนตายส่วนมากเป็นคนของสำนักเหลิ่งหลัง

ความร้ายกาจของจอมมารกระบี่นั้น เห็นได้ชัดเจนจากสถานการณ์นี้

วันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ทุกระดับล้วนได้รับแจ้งว่ารัชทายาทได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถดูแลภารกิจของราชสำนักได้เป็นการชั่วคราว

แต่บรรดาประชาชนกลับสันนิษฐานกันว่า บางทีรัชทายาทอาจจะถูกจอมมารกระบี่ฆ่าตายไปแล้ว ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายพากันตื่นตระหนกไปชั่วขณะ ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงมีรับสั่งให้ส่งหมอหลวงไปที่จวนอ๋องฉู่อย่างเร่งด่วน หลังจากที่หมอหลวงเข้าไปในจวนแล้ว ก็ไม่สามารถออกมาได้อีก จึงยิ่งทำให้ทุกคนคาดเดากันไปต่าง ๆ นา ๆ

ในจวนอ๋องฉู่ มีหน่วยองครักษ์ลับผีเฝ้าประจำการอยู่ทุกมุม เรียกได้ว่าโดยพื้นฐานแล้วไม่มีมุมอับสายตาเลย ใครที่คิดจะลอบเข้าไปแอบดู ย่อมเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง

ในช่วงพลบค่ำ อ๋องฉี อ๋องซุน อ๋องหวย ใต้เท้าเหลิ่ง ท่านชายสี่ กู้ซือ หงเย่ รวมถึงมู่หรูกงกงผู้ที่รับใช้อยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้ก็ล้วนมากันทั้งหมด

ตอนนี้อ๋องหวยกำลังระดมสะสมเสบียง วันนี้เพิ่งมาถึงเมืองหลวง ก็ระดมเสบียงชุดที่สองทันที

ทุกคนต่างมาร่วมประชุมกันอยู่ในห้องหนังสือ แผนการนี้ค่อนข้างง่าย คือให้อ๋องหวยระดมเสบียงอาหารต่อไป แต่ในครั้งนี้ แทนที่จะขนส่งเสบียงอาหาร พวกเขาก็ซ่อนอาวุธลงไปไว้ใต้บรรดาเสบียงและพืชพันธุ์ธัญญาหารแทน เมื่อทำการบรรจุอาวุธเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เชื่อว่าหลังจากสามวันผ่านไป จะได้นำออกมาใช้แน่นอน

ด้วยคู่มือของอ๋องชินเฟิงอัน จึงรู้ได้ว่าการผลิตอาวุธเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายนัก รวมถึงยุทโธปกรณ์ทั้งหลายในเก็บอยู่คลังของกรมทหาร ชุดแรกก็เพียงพอแล้ว ส่วนชุดที่สองจะมีท่านชายสี่เป็นผู้ขนส่งไปยังชายแดน เพื่อช่วยสนับสนุนกองทัพ

แต่ชุดแรก จำเป็นต้องฟังเสียงก่อน ต้องทำให้ชาวเป่ยโม่หวาดกลัวจนหัวหด จึงส่งชุดที่สองลงสนามอย่างรวดเร็ว หยู่เหวินเห้าตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วว่า ภายในสองเดือน สงครามต้องยุติ

เป้าหมายนี้ฟังดูยิ่งใหญ่มาก แม้ว่าทุกคนจะคิดว่าความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก แต่ถ้าสามารถยุติสงครามภายในสองเดือนได้จริง ๆ ย่อมจะลดผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนได้มาก

หลังจากเตรียมการพร้อมสรรพ ทุกคนก็ออกจากจวนไป

ตอนท้องที่สอง เจ้าห้าต้องไปทำศึก มาตอนนี้กำลังตั้งท้องที่สาม เขาก็ยังต้องไปทำศึก แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะรู้สึกยากตัดใจในยามที่ต้องแยกจากแต่ก็รู้ดีว่าหากเขาสามารถชนะการรบในครั้งนี้ได้ จะสามารถช่วยราชวงศ์เป่ยถังให้เกิดความมั่นคงได้ อย่างน้อยก็หลายสิบปีเลยทีเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน